DENZA D9 เอ็มพีวีไฟฟ้าหรู 7 ที่นั่งเครือ BYD มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ Denza D9 Premium ราคาจำหน่าย 1,999,900 บาท และ Denza D9 Performance AWD ราคาจำหน่าย 2,699,900 บาท (ราคาพิเศษเฉพาะผู้ที่จองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น)
บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดตัวแบรนด์ DENZA (เดนซ่า) ยนตรกรรมพลังงานใหม่ในกลุ่มธุรกิจ BYD ที่นำเสนอนิยามใหม่ของความหรูหราให้กับทุกการเดินทาง เจาะกลุ่มผู้บริโภคในตลาดระดับบนด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยเหนือระดับ พร้อมขุมพลังของนวัตกรรมที่ตอกย้ำจุดยืนด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างเสริมโลกที่ยั่งยืนให้กับทุกคน พร้อมทั้งเปิดตัว DENZA D9 โมเดลแรกอย่างเป็นทางการสำหรับตลาดประเทศไทย
แบรนด์ DENZA ถือกำเนิดขึ้นในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์พลังงานใหม่ โดยพัฒนาและขับเคลื่อนโดยบีวายดีอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2566 ซึ่งได้ปรับโครงสร้างภายในทำให้แบรนด์อยู่ภายใต้บีวายดี 100% โดยยังคงเน้นความโดดเด่นในการหลอมรวมเทคโนโลยีและความหรูหราเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยปัจจุบันมีรถยนต์ DENZA วางจำหน่ายหลากหลายรุ่น เช่น DENZA D7, DENZA N8, DENZA Z9 GT และ DENZA D9 มียอดจองและยอดจำหน่ายสะสมที่จีนกว่า 250,000 คัน
Denza D9 DENZA ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด π - Motion ดีไซน์ด้านหน้ารถแบบ Pi Motion พร้อมด้วยไฟหน้ารูปแบบ Meteor Arrow และไฟท้ายออกแบบด้วยแนวคิดฝนดาวตกแห่งกาลเวลา มาพร้อมระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C (รุ่น Premium ติดตั้งระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็ว FSD) สามารถปรับความแข็งและนุ่มด้วยระบบไฟฟ้า เสริมประสิทธิภาพในการควบคุมรถ ลดปัญหาการยุบตัวรถที่เสี่ยงต่อการพลิกคว่ำ และลดแรงกระชากเมื่อเหยียบเบรกหรือคันเร่ง
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง (จัดวางแบบ 2-2-3) เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้ Nappa ปรับไฟฟ้าคู่หน้า 8 ทิศทาง เบาะแถวที่ 2 ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง และสามารถปรับพนักพิงศีรษะเข้ากับสรีระได้ เพิ่มเติมด้วยระบบนวดไฟฟ้าและระบบระบายอากาศ สะดวกสบายด้วยระบบจดจำตำแหน่งเบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารแถวที่ 2 พร้อมฟังก์ชัน Welcome Seat และปุ่ม Reset ตั้งค่าเบาะ
Denza D9 ถูกติดตั้งหน้าจอมัลติมีเดียตอนหน้าขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมระบบเครื่องเสียง Dynaudio Hi-Fi Class ลำโพง 14 ตำแหน่ง ที่พักแขนเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอ LCD แบบมัลติฟังก์ชัน ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือไร้สาย 3 ตำแหน่ง (ตอนหน้า 1 ตำแหน่ง และแถวที่สอง 2 ตำแหน่ง)
อีกทั้งยังมีระบบตู้เย็นภายในรถยนต์ที่สามารถปรับองศาได้ตั้งแต่ -6 ไปจนถึง 5- องศาเซลเซียส ติดตั้งระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ต 4G ในตัว และเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยกระจกกันเสียง 2 ชั้นรอบคัน
ด้านระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, เซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุรอบคัน 8 ตำแหน่ง, ระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาด 12 นิ้ว และระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ เช่น ระบบช่วยแจ้งเตือนอันตรายจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ (DMS), ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC), ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ (ICC), ระบบจดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB), ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW), ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW) และระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA), ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA), ระบบช่วยเปิดไฟสูงอัตโนมัติ (HMA), ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD), ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW), ระบบช่วยควบคุมและช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ (RMI), ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC), ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD), ระบบช่วยควบคุมและช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ (RMI) และอื่นๆ
Denza D9 Premium ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ (313 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 9.5 วินาที
Denza D9 Performance AWD ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังรวมสูงสุด 275 กิโลวัตต์ (374 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.9 วินาที
ทั้ง 2 รุ่นย่อยติดตั้งแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 103.36 kWh ระยะทางขับขี่รุ่น Premium สูงสุด 600 กม. และรุ่น Performance AWD สูงสุด 580 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จด่วน DC กำลังสูงสุด 166 kW และชาร์จปกติ AC สูงสุด 11 kW
Denza D9 เปิดรับจองที่โชว์รูมและศูนย์บริการ Denza ทุกสาขาตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป โดยผู้ที่จองรถ DENZA D9 Performance AWD ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 และรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 จะได้รับโฮมชาร์จเจอร์ ABB พร้อมบริการติดตั้ง