แม้ว่าสถานการณ์ของมอเตอร์โชว์ทั่วโลกจะอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยดีเท่าไร แถมยังโดนกระหน่ำอีกระลอกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 จนทำให้ต้องงดจัดงานหลายปี แต่ในที่สุดบรรยากาศและสีสันของการจัดงานโชว์รถระดับชั้นแนวหน้าของโลกหลายรายการก็กลับมาจัดกันต่อได้ และหนึ่งในนั้นคือ Paris Motor Show 2024 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Mondial de l’Auto
สำหรับในปี 2024 ปารีส มอเตอร์โชว์จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-20 ตุลาคม ที่ Paris Expo Porte de Versailles เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งตามปกติแล้ว งานโชว์นี้จะจัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปีในปีค.ศ.ที่ลงท้ายด้วยเลขคู่ เรียกว่าเป็นการจัดงานแบบสลับปีกับแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ (เดิม) และโตเกียว มอเตอร์โชว์ (เดิม)
แน่นอนว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงปลายทศวรรษที่ 2010 ก่อนการแพร่ระบาดใหญ่ สถานการณ์ของมอเตอร์โชว์ทั่วโลกไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เพราะหลากหลายบริษัทรถยนต์ต่างมองไม่เห็นความจำเป็นและความสำคัญของมอเตอร์โชว์ในการใช้เป็นพื้นที่ในการจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหมือนกับในอดีต เพราะมีตัวเลือกที่แทรกเข้ามาทั้งงานโชว์รูปแบบอื่นๆ ที่เข้าถึงกลุ่มคนได้มากกว่า รวมถึงแพล็ตฟอร์มทางด้านออนไลน์
สิ่งนี้ทำให้จำนวนผู้เข้าร่วมงานลดลง เรียกว่าความยิ่งใหญ่ของงานอาจจะไม่สามารถเทียบชั้นกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ที่บรรดาผู้จัดมอเตอร์โชว์ต่างแดนจะต้องยอมรับให้ได้ และปรับปรุง ค้นหาเพื่อนำเสนอสิ่งที่แตกต่างออกมาให้ได้
รถยนต์พลังไฟฟ้ายังป็นแกนหลัก
แม้ว่าเรื่องราวในเชิงภาษีนำเข้าจากรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ประกอบจากจีนและนำเข้ามาขายในยุโรปยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ก็ต้องบอกว่า ความตื่นตัวของคนยุโรปที่มีต่อรถยนต์ประเภทนี้ถือว่ามีมาก และน่าจะเรียกว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ รองจากจีนก็ว่าได้
เมื่อเรื่องราวทางการเมืองของ EU กับจีนยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด ผลผลิตที่เป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าซึ่งร่วมจัดแสดงส่วนใหญ่ในงานนี้จึงเป็นแบรนด์ที่อยู่ในยุโรป โดยเฉพาะซีตรอง เรโนลต์ เปอโยต์ รวมถึง Alpine ที่เป็นแบรนด์รถสปอร์ตของ Renault ที่เป็นเจ้าถิ่น ที่เด่นๆ และเข้าตาก็เช่น 4E-Tech Electric ซึ่งเป็นรถยนต์ CrossOver แบบไฟฟ้าที่ถูกเรียกว่า voiture à vivre ในภาษาฝรั่งเศส หรือ A Car for living พร้อมกับตัวถังที่มีความจุของพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 1,045 ลิตร
Citroen มากับรุ่นปรับโฉมของ Ami รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่อ้างอิงคอนเซ็ปต์มาจากรุ่น 2CV อันโด่งดังในอดีต ตามด้วย รุ่น C5 Air Cross ยังเป็นต้นแบบ แต่ก็ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ส่วน Peugeot มีทั้งe-3008 และ e-5008 ที่แล่นทำระยะทางได้ 700 และ 667 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งตามลำดับ ส่วนรุ่นใหม่เลยคือ e-408 ในสไตล์ CrossOver เปิดตัวมากับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 207 แรงม้า และแล่นได้ 452 กิโลเมตร
ขณะที่แบรนด์อื่นๆ ซึ่งเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้าก็มีทั้ง Skoda กับรุ่น Elroq ซึ่งเป็น BEV รุ่นที่ 3 ของแบรนด์ที่ถูกส่งทำตลาด ตามด้วย Mini กับงานโมดิฟายของ John Cooper Works กับรุ่น Cooper SE JCW รีดกำลังออกมาได้ 254 แรงม้ากับการขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน และ Audi มากับรุ่น Q6 e-tron Sportback ที่มีกำลังสูงสุด 482 แรงม้า และแล่นทำระยะทางได้ 654 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ส่วนค่ายจีนก็ยังมีบ้าง เช่น BYD กับรุ่น Sealion7 และ Yangwang U8 แต่ก็เป็นแบบ PHEV ไม่ใช่ BEV ขณะที่ Leapmotor แบรนด์จีนที่เข้ามาเปิดตลาดในยุโรป เผยโฉมรุ่น B10 ซึ่งเป็น BEV ที่มีค่าตัวราวๆ 30,000 ปอนด์ และจะเริ่มขายในปีหน้า
รถยนต์สันดาปก็ยังมีอยู่ ไม่หายไปไหน
แม้ว่ารถยนต์พลังไฟฟ้าจะได้รับความสนใจและเป็นเทรนด์ใหม่ แต่งานนี้หลายแบรนด์ก็ยังให้ความสนใจกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ ทั้งในรูปแบบปกติ ไฮบริด และ PHEV
เริ่มกับ Citroen เปิดตัวรถยนต์ที่ถูกมองว่าเป็น New Era หรือศักราชใหม่ในการทำตลาดของแบรนด์ในอนาคต โดยจะมีทั้ง C4 และ C4X ที่ได้รับการเพิ่มความสดใหม่ตลอดทั้งคัน Dacia ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์โรมาเนียแต่อยู่ในเครือ Renault เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์รุ่น Bigster ที่มีขนาดใหญ่กว่า Duster และมีราคาอยู่ที่ 30,000 ปอนด์ โดยจะเป็น SUV ที่อยู่ในตลาด C-Segment
Volkswagen เปิดตัวรุ่น Tayron ซึ่งป็น SUV แบบ 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ Tiguan Allspace มีขนาดตัวถัง 4,770 มิลลิเมตร ส่วน Alfa Romeo เปิดตัว SUV 2 รุ่นใหม่ คือ Junior ที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด 1,200 ซีซี เทอร์โบทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า รีดกำลังออกมาได้ 134 แรงม้า และรุ่นปรับโฉมของ Tonale ซึ่งเป็น SUV ขนาดกลาง
ในแง่ของภาพรวมงาน ต้องยอมรับว่าถ้าตัดเรื่องของจำนวนแบรนด์รถยนต์ที่เข้าร่วม และรถยนต์ใหม่ที่เปิดตัวในแบบ ‘ครั้งแรกของโลก’ หรือ World Premier ออกไป ถือว่า Paris Motorshow 2024 ยังมีสีสันและสิ่งใหม่ ๆ ให้เดินดู เพียงแต่ไม่เยอะเท่ากับที่ผ่านมาๆ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะบ่งบอกอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะในแง่ของ ‘ขาลง’ การจัดงานมอเตอร์โชว์สไตล์ยุโรปที่เน้นการ Showcase ทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม