เมื่อวันศุกร์ (11 ต.ค.) ราคาหุ้นเทสลาร่วงเกือบ 9% หลังงานเปิดตัวโรโบแท็กซี่ที่รอกันมานานไม่สามารถสร้างความประทับใจให้นักลงทุน ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนวิจารณ์ว่า เหมือนงานขายฝันอีลอน มัสก์ เกี่ยวกับอนาคตการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบมากกว่า และแทบไม่ต่างจากงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์เทสลาครั้งก่อนๆ ที่รายละเอียดเบาหวิว ไม่มีการเน้นย้ำโอกาสระยะสั้นสำหรับบริษัท หรืออัพเดตความคืบหน้าของ FSD
คืนวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (10 ต.ค.) ในงาน “วี, โรบ็อต” มัสก์ ซีอีโอเทสลา เปิดตัวไซเบอร์แค็บ รถต้นแบบที่ใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยเป็นรถ 2 ที่นั่ง ไม่มีพวงมาลัยหรือคันเร่งและเบรก เขายังกล่าวถึงแผนการใหญ่ของบริษัทในการสร้างฟลีตรถอัตโนมัติและหุ่นยนต์
มัสก์คาดว่า จะเริ่มผลิตไซเบอร์แค็บในปี 2026 และตั้งราคาต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ หรือไม่ถึง 1 ล้านบาท แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า จะผลิตที่ไหน และสำทับว่า รถรุ่นนี้จะไม่เหมือนอีวีอื่นๆ ตรงที่ไม่มีปลั๊ก แต่เป็นระบบชาร์จไร้สาย
เขายังหวังว่า เทสลาจะมี “ระบบ FSD ที่ไม่ต้องมีคนควบคุม” พร้อมใช้งานในเทกซัสและแคลิฟอร์เนียปีหน้าใน Model 3 และ Model Y FSD (Full Self-Driving) คือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงของเทสลา โดยรุ่นที่มีอยู่ในอีวีของบริษัทตอนนี้ยังเป็นเวอร์ชันที่ต้องมีคนขับอยู่หลังพวงมาลัยเตรียมพร้อมสำหรับการควบคุมพวงมาลัยหรือเบรก และเป็นออปชันที่เลือกติดตั้งได้ สนนราคาอยู่ที่ 8,000 ดอลลาร์
มัสก์ยืนยันว่า ข้อมูลของบริษัทแสดงให้เห็นว่า FSD เวอร์ชันปัจจุบันปลอดภัยกว่ารถที่คนขับ แต่หลายคนที่เคยทดสอบระบบนี้ดูเหมือนไม่คิดแบบนั้น ตัวอย่างเช่นบริษัททดสอบอิสระ เอเอ็มซีไอ เทสติ้ง ที่พบว่า คนขับต้องเข้าควบคุมรถเองเฉลี่ยทุก 20 กิโลเมตร
รายงานระบุว่า ราคาหุ้นเทสลาปิดการซื้อขายในวันศุกร์ที่ 217.80 ดอลลาร์ โดยนับจากต้นปีจนถึงขณะนี้ราคาหุ้นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าแถวหน้าของอเมริกาแห่งนี้ลดลง 12% และลดลง 17% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากไซเบอร์แค็บแล้ว มัสก์ยังประกาศแผนผลิตโรโบแวน หรือรถตู้ไฟฟ้าไร้คนขับที่รองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 คนหรืออาจใช้ขนส่งสินค้าก็ได้
หลังงานเปิดตัว นักวิเคราะห์ของเจฟฟรีส์เผยแพร่บันทึกที่มีชื่อว่า “ผิดหวัง”
นักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สวิจารณ์คล้ายกันว่า งานนี้ไม่ต่างจากงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์เทสลาครั้งก่อนๆ ที่มีรายละเอียดเบาหวิว ไม่มีการเน้นย้ำโอกาสระยะสั้นสำหรับเทสลา หรืออัพเดตความคืบหน้าของ FSD แต่ดูเหมือนเป็นงานขายวิสัยทัศน์เรื่องอนาคตระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบและการพยายามสร้างการเติบโตในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของมัสก์มากกว่า
ด้านนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนเลย์ชี้ว่า งานนี้โดยรวมแล้วน่าผิดหวังในหลายประเด็นที่นักลงทุนคาดหวังว่าจะได้รับรู้ เช่น ความคืบหน้าของ FSD การประหยัดจากขนาดจากบริการเรียกรถ และกลยุทธ์การปล่อยสินค้าหรือบริการเข้าสู่ตลาด
แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนหลังงานนี้คือ คงต้องใช้เวลาอีกเป็นปีกว่าที่จะได้เห็นฟลีตรถอัตโนมัติของเทสลาวิ่งบนถนนสาธารณะ และหน่วยงานกำกับดูแลจะต้องพิจารณาข้อกังวลต่างๆ มากมายเกี่ยวกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งในรถเหล่านั้น
มัสก์นั้นขึ้นชื่อเรื่องให้สัญญาเป้าหมายระยะสั้นที่เอาเข้าจริงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเป็นจริง ตัวอย่างเช่นเมื่อ 5 ปีที่แล้วเขาทำนายว่า ฟลีตโรโบแท็กซี่ของเทสลาจะแจ้งเกิดในปีถัดไป ซึ่งในงานเปิดตัวไซเบอร์แค็บเมื่อคืนวันพฤหัสฯ มัสก์ยอมรับว่า เขามองแง่ดีเกินไปนิดหน่อยเรื่องกรอบเวลา
จีน มันสเตอร์ กรรมการผู้จัดการดีปวอเตอร์ แอสเส็ต แมเนจเมนต์ ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วว่า กว่าเทคโนโลยีสำหรับไซเบอร์แค็บจะพร้อมก็น่าจะใช้เวลา 2 ปี และ 2-3 ปีสำหรับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล
มันสเตอร์ยังตั้งข้อสังเกตว่า ไซเบอร์ทรักใช้เวลา 48 เดือนนับจากเปิดตัวจนถึงผลิต ขณะที่รถบรรทุกไฟฟ้า เทสลา เซมิ เปิดตัวมากว่า 6 ปี แต่ถึงตอนนี้ยังไม่เริ่มต้นผลิตเลย
พอล มิลเลอร์ นักวิเคราะห์ของฟอร์เรสเตอร์ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีว่า แม้ในท้ายที่สุดการประหยัดจากขนาดอาจช่วยให้เทสลาลดต้นทุนลงจนเกือบถึง 30,000 ดอลลาร์ แต่ถ้าไม่มีมาตรการอุดหนุนจากภายนอกหรือเทสลาไม่ยอมขาดทุนกับรถทุกคัน ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปิดตัวไซเบอร์แค็บในราคาใกล้เคียงกับที่ตั้งไว้ภายในทศวรรษนี้
ปัจจุบัน เวย์โมเป็นบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวรถอัตโนมัติบนถนนสาธารณะ โดยบริษัทในเครืออัลฟาเบตแห่งนี้เริ่มให้บริการโรโบแท็กซี่ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา