หลังจากที่มีข่าวว่ายอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ หรือ NEV (New energy vehicle) ซึ่งก็รวมถึงรถยนต์พลังไฟฟ้าและไฮบริดแบบเสียบปลั๊กของจีนจะอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยกระเตื้องขึ้นเท่าที่ควร แต่ตอนนี้มีการประเมินใหม่แล้วว่าช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตลาดจีนน่าจะก้าวผ่านจากช่วงยอดขายซบเซามาสู่ยอดขายขาขึ้นแล้ว เมื่อยอดขายเดือนกันยายนนี้จะเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่มีตัวเลขเกิน 1 ล้านคัน
ตามข้อมูลประมาณการถูกประกาศออกมาโดยสมาคมรถยนต์โดยสารแห่งประเทศจีน (CPCA) ระบุว่าเดือนกันยายนยอดขายปลีกรถยนต์พลังงานใหม่เพื่อการโดยสารในตลาดจีน คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 47.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพิ่มขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 1,027,000 คัน
นั่นหมายความว่ายอดขายรถยนต์กลุ่มนี้จะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในเดือนนี้ และเป็นการบ่งบอกว่าตลาดรถยนต์พลังงานใหม่จะกลับมาสู่ฤดูกาลของการซื้ออีกครั้ง โดย CPCA ระบุว่าการสำรวจล่าสุดผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 80% ของยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายปลีกในเดือนกันยายนจากเดือนสิงหาคม 10% โดยจากการคาดการณ์นั้นเชื่อว่าภาพรวมของรถยนต์ส่วนบุคคลทุกประเภทของจีนเดือนกันยายน จะมีตัวเลขรวมกันอยู่ที่ 2.1 ล้านคันเพิ่มขึ้น 4.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 10.1% จากเดือนก่อนหน้า
สิ่งที่น่าสนใจจากการประเมินของ CPCA คือ ความต้องการและกำลังซื้อที่ไม่ได้ลดลงจากที่เคยมีข่าวในเชิงลบออกมาก่อนหน้านี้ โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ผลิตของจีนหลายรายมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมาช่วงเดือนสิงหาคม และกันยายน ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นตลาดได้เป็นอย่างนี้ และตรงนี้สามารถสังเกตได้จากตัวเลขค่าเฉลี่ยยอดขายต่อวันในช่วงสัปดาห์แรกไปจนถึงสัปดาห์ที่ 3 ของแบรนด์ใหญ่ในจีน
มีการระบุว่าผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในจีนมียอดขายปลีกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,400 คันในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 5.4% จากสัปดาห์เดียวกันของเดือนที่แล้ว
ส่วนสัปดาห์ที่ 2 ยอดขายปลีกเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 62,900 ยูนิต เพิ่มขึ้น 26.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 17.8% จากช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว และยอดขายปลีกเฉลี่ยรายวันในสัปดาห์ที่ 3 อยู่ที่ 71,400 คันเพิ่มขึ้น 19.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 29.8% จากช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว ขณะที่ยอดขายปลีกเฉลี่ยต่อวันในสัปดาห์ที่ 4 คาดการณ์อยู่ที่ 96,500 คัน ลดลง 14.4 % จากช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 11.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงยอดขายที่เริ่มกลับมาแล้วหลังจากที่ตัวเลขยอดขายไม่ค่อยเพิ่มขึ้นอย่างที่ประเมินเอาไว้ จนกระทั่งนักวิเคราะห์จากหลายสำนักระบุว่า น่าจะถึงทางตันในเรื่องยอดขายสำหรับรถยนต์พลังไฟฟ้าแล้ว
นอกจากนั้นเรื่องของสัดส่วนในตลาด จะถือเป็นอีกครั้งที่สัดส่วนยอดขายของรถยนต์พลังงานใหม่แซงหน้ารถยนต์สันดาปภายใน โดยมีการประเมินว่าหลังจบเดือนกันยายนนี้ ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ NEV จะอยู่ที่ 52.4% แต่ก็ลดลงจากเดือนสิงหาคม ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 53.9%
Xpeng มาแรง ฉลองผลิตครบ 500,000 คัน
สิ่งหนึ่งที่สามารถแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าคือ ยอดผลิตรถยนต์ประเภทนี้จากแบรนด์ ซึ่งสามารถทะลุถึงหลักชัยได้อย่างรวดเร็ว โดยล่าสุด Xpeng เป็นแบรนด์ล่าสุดที่เพิ่งฉลองครบรอบ 500,000 คันไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ตรงนี้ถือเป็นดัชนีอย่างหนึ่งในการช่วยชี้วัดได้เป็นอย่างดี เพราะ Xpeng เพิ่งก่อตั้งแบรนด์ในปี 2018 และเริ่มผลิตรถยนต์คันแรกในปี 2018 และพวกเขาใช้เวลาเพียงแค่ 6 ปีเท่านั้น ในการทำยอดผลิตครบครึ่งล้านคัน ทั้งที่ในช่วงแรกของการทำตลาดจนถึงปี 2020 พวกเขามียอดขายรวมกันยังไม่ถึง 50,000 คันเลย
สำหรับรถยนต์คันที่ 500,000 ของแบรนด์ คือ รุ่น Mona M03 ซึ่งก็สอดคล้องกันอย่างพอเหมาะ เพราะเป็นคันที่ 10,000 ของรุ่นนี้ที่ออกจากสายการผลิต โดยตัวรถเป็นยานยนต์พลังไฟฟ้าที่มีราคาไม่แพง และเป็นรุ่นที่ถูกสุดของแบรนด์ โดยอยู่ที่ 119,800-155,800 หยวน
Xpeng เปิดเผยว่า นับจากเปิดตัวเมื่อต้นเดือนสิงหาคม Mona M03 ได้รับการตอบรับที่ดีมาก สามารถผลิตรถยนต์ออกจากโรงงานได้ครบ 10,000 คันโดยใช้เวลาเพียงแค่ 22 วันเท่านั้นนับจากการเปิดตัว ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ในจีน อีกทั้งในช่วงแค่ 2 วัน รถยนต์รุ่นนี้กวาดยอดจองไปมากกว่า 48,000 คันในจีน
เดินหน้าสู่ตลาดตะวันตกยังไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
เป้าหมายหนึ่งของแบรนด์รถยนต์พลังไฟฟ้าในจีนคือ การกระจายตัวเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่างยุโรป และสหรัฐอเมริกา แต่สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่งานง่ายๆ เพราะพวกเขาต้องเจอกับการตั้งกำแพงภาษี ซึ่งก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการกีดกันทางการค้าที่มีความขอบธรรมของเจ้าถิ่น
ในตลาดยุโรป จีนเพิ่งได้มีโอกาสเจรจากับทางประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกในสหภาพยุโรป หลังจากที่บริษัทรถยนต์พลังไฟฟ้าของจีนโดนเก็บภาษีเพิ่มภายใต้ข้อบังคับใหม่ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยหวัง เหวินเทา รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า การที่สหภาพยุโรปกำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจะ "แทรกแซง" ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนอย่างร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อทั้งจีนและเยอรมนี
หวัง เหวินเทา กล่าวหลังการเจรจากับโรเบิร์ต ฮาเบ็ค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีว่า เขาหวังว่าจะสามารถหาทางออกตามกฎขององค์การการค้าโลกได้โดยเร็วที่สุด และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหภาพยุโรปที่ทวีความรุนแรงขึ้น ตามแถลงการณ์ที่กระทรวงพาณิชย์ของจีน
คณะกรรมาธิการยุโรปอยู่ระหว่างการเสนอภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนสูงถึง 35.3% นอกเหนือจากภาษีนำเข้ารถยนต์มาตรฐาน 10% ของสหภาพยุโรป โดยหวังเดินทางเยือนยุโรปเพื่อหารือกรณีของสหภาพยุโรปที่ต่อต้านการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน ก่อนที่จะมีการลงมติเรื่องภาษีนำเข้าเพิ่มเติม และเขากล่าวว่า เยอรมนีจะดำเนินการตามผลประโยชน์ของตนเอง และผลักดันให้คณะกรรมาธิการยุโรปและจีนทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
หวังกล่าวระหว่างการเจรจาว่า จีนผิดหวังอย่างมากที่สหภาพยุโรปเพิกเฉยต่อความพยายามของจีน ยืนกรานที่จะตัดสินให้เรียกเก็บภาษีตอบโต้ในอัตราสูง และรีบปฏิเสธแนวทางแก้ไขปัญหาแบบแพ็คเกจที่อุตสาหกรรมจีนเสนอไปอย่างเร่งด่วนโดยหวังกล่าวว่าจีนจะไม่ละทิ้งความพยายามและจะหารือต่อไป "จนถึงนาทีสุดท้าย"
นายฮาเบ็คกล่าวว่าเยอรมนีสนับสนุนการค้าเสรี พร้อมต้อนรับบริษัทผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนของจีนให้เข้ามาลงทุนในยุโรป และจะเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปหาทางออกที่เหมาะสมกับจีน และพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งทางการค้า ตามแถลงการณ์ของกระทรวงฯ
นอกจากนี้ นายหวังยังได้พบปะกับนายวูล์ฟกัง ชมิดท์แห่งสำนักงานนายกรัฐมนตรีเยอรมนีในกรุงเบอร์ลิน ตามแถลงการณ์แยกที่กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเขาได้แจ้งแก่นายชมิดท์ว่าจีนยืนกรานที่จะแก้ปัญหากรณีการต่อต้านการอุดหนุนต่อประเทศนี้ให้ถูกต้องผ่านการเจรจาและปรึกษาหารือ
หวังกล่าวว่า "หวังว่าเยอรมนีในฐานะสมาชิกหลักของสหภาพยุโรปจะเป็นผู้นำในการแสดงบทบาทที่แข็งขันและเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปแสดงเจตจำนงทางการเมืองและทำงานร่วมกับจีนเพื่อแก้ไขกรณีนี้ให้เหมาะสม" ตามแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เกี่ยวกับการหารือจากกระทรวงพาณิชย์ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธเช่นกัน
แน่นอนว่า นอกจากการรองรับกับความต้องการในประเทศแล้ว จีนกำลังวางแผนในการขยายแนวรุกออกสู่ตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกาให้ได้ เพราะนั่นคือ ตลาดใหม่ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ หรือ NEV ของจีนสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง