วินฟาสต์ (VinFast) แบรนด์รถไฟฟ้า 100 % สัญชาติเวียดนาม ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 เป็นบริษัทในเครือของ Vingroup (VIC) ยักษ์ใหญ่ในเวียดนามที่ถือธุรกิจหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และโรงแรม ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท (ปี 2566)
วินฟาสต์เริ่มขยายธุรกิจสู่ตลาดใหญ่ของโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และในปีนี้วินฟาสต์เล็งขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง และไทย เป็นหนึ่งในหลายประเทศที่วินฟาสต์จะเข้ามาทำตลาด ทั้งนี้เนื่องจากตลาดรถไฟฟ้าในบ้านเรากำลังเติบโตด้ายนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล
ในไทยวินฟาสต์ เข้ามาตั้งบริษัทลูกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว คือ บริษัทวินฟาสต์ ออโต้ (ประเทศไทย ) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 108,360,000 บาท และในงานมอเตอร์โชว์ ปี 2024 นำรถเข้ามาอวดโฉมหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น VF e34 , VF5 ,VF6 , VF7, VF8, VF9 รวมถึงรถกระบะไฟฟ้า VF Wild ตัวใหม่ล่าสุดด้วย
แต่ยังไม่ทันได้ตั้งไข่มีกระแสข่าวออกมาว่า วินฟาสต์ ชะลอแผนการทำธุรกิจในไทย พร้อมเลื่อนเปิดตัวรถรุ่นแรก VF5 ออกไปแบบไม่มีกำหนด รวมถึงผู้บริหารคนแรก วู ดัง เยน ฮัง (Vu Dang Yen Hang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ วินฟาสต์ ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ถูกสั่งให้กลับไปดูงาน วินกรุ๊ป ที่เวียดนามอีกต่างหาก และตอนนี้ยังไม่มีผู้รักษาการแทน ขณะเดียวพนักงานคนไทยฝ่ายการตลาดจะถูกให้ออกภายในสิ้นเดือนนี้ (สิงหาคม) ด้วยเหตุผลว่าปีนี้ไม่มีการจำหน่ายรถในประเทศไทย
ซึ่งตอนนั้นเธอให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "การเปิดตัวแบรนด์ของเราในประเทศไทยเป็นก้าวสำคัญภายใต้กลยุทธ์การขยายธุรกิจสู่ทั่วโลกของวินฟาสต์ ซึ่งจะเสริมสร้างฐานธุรกิจในประเทศศูนย์กลางยานยนต์ที่คึกคักที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าครบทุกรุ่นของเราสะท้อนถึงบทบาทผู้นำของวินฟาสต์ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิวัติการขนส่งสีเขียวของประเทศไทย ซึ่งจะนำไปสู่อนาคต ที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน"
ประเทศไทยคือตลาดรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาลในหลายด้าน จากข้อมูลของสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปี 2567 นี้ วินฟาสต์มุ่งมั่นที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในตลาดประเทศไทย และเสริมสร้างความเป็นผู้นำในการบุกเบิกการพัฒนาการขับเคลื่อนสีเขียวและยั่งยืนทั่วโลก
บวกกับได้มีการพูดคุยกับดีลเลอร์ในช่วงแรกถึง 15 รายที่สนใจจะทำธุรกิจกับวินฟาสต์ อีกทั้งยังมีแผนเปิดโชว์รูมประมาณ 30 แห่งภายในปี 2567 แต่ปัจจุบันแผนคงถูกพับเก็บไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนดีลเลอร์ไม่รู้ชะตากรรม ว่าเหลือเท่าไร ถอดใจตามหรือเปล่า หรือจะเบี่ยงเบนไปขายแบรนด์อื่นหรือยัง
สาเหตุของการพับการทำธุรกิจในไทย น่าจะเกิดจากภายใต้ภาวะสงครามราคาที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ในตลาดไทยค่อนข้างรุนแรงด้วยแบรนด์จีน ขนาดรถค่ายญี่ปุ่นที่อยู่มานานยังซวนเซกันทั้งขบวน วินฟาสต์ในฐานะแบรนน้องใหม่จึงต้องทบทวนธุรกิจอีกรอบ เพราะการทำตลาดรถในไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นอกจากจะมีตัวเล่นเยอะทั้งค่ายญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา และจีน คุณภาพสินค้า เครือข่ายการจำหน่าย การบริการหลังการขาย กลยุทธ์ในการทำตลาด และที่สำคัญชื่อเสียงของแบรนด์ การสร้างแบรนด์ ความน่าเชื่อถือต่อลูกค้าคนไทย ทุกอย่างต้องใช้เวลา ไม่สามารถใช้การตัดราคา รถราคาถูก และจะทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้
โจทย์ดังกล่าวข้างต้นสร้างความหนักใจให้กับวินฟาสต์ไม่มากก็น้อย ดังนั้นการถอยทัพกลับไปตั้งหลัก คิดทบทวนอีกครั้งก็ยังไม่สาย ที่สำคัญคิดว่าช่วงนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะรุกเข้ามาตลาดไทย เหตุการแข่งขันกำลังเดือด ถ้าโดดเข้าร่วมวงตอนนี้มีแต่เจ็บตัว การพักรบไปก่อน รอจังหวะดี ดี ค่อยกลับมารุกธุรกิจก็ยังไม่สาย จะได้อยู่ยาว ๆ เป็นตัวเลือกให้กับคนไทย