บีเอ็มดับเบิลยู ออกโรงคัดค้านการห้ามใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างสิ้นเชิง หลังผู้บริหารระดับสูงของบีเอ็มดับเบิลยูได้แสดงความเห็นว่าการแบนเครื่องยนต์สันดาปเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
รายงานผลประกอบการครึ่งปีของบีเอ็มดับเบิลยู แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้านยอดขาย โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการเติบโตมากถึง 34% ขณะที่ Oliver Zipse ผู้บริหารระดับสูงของบีเอ็มดับเบิลยู ได้ออกมาพูดคุยเกี่ยวกับ "e-fuels" หรือเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ทำจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือลม
โดยระบุว่ารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงสังเคราะห์ หรือ e-fuels นั้น จะสามารถใช้งานได้ต่อไปแม้จะมีการห้ามใช้เครื่องยนต์สันดาปในกลุ่มสหภาพยุโรปภายในปี 2578 ที่จะถึงนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการนำเชื้อเพลิงเหล่านี้มาใช้ในเชิงพาณิชย์อย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง
ปัจจุบันเชื้อเพลิงสังเคราะห์กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ จากผู้ผลิตรถยนต์ เช่น เฟอร์รารี่ และ ปอร์เช่ ที่ได้ลงทุนมหาศาลในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว ขณะที่ฟอร์มูล่าวันก็จะใช้เชื้อเพลิงสังเคราะห์ e-fuels ในรุ่นรถแข่งรุ่นต่อไป
อย่างไรก็ตาม การผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก และมีข้อโต้แย้งว่าการลงทุนในเทคโนโลยีนี้อาจเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากแหล่งอื่นๆ ที่ใหญ่กว่า เช่น การผลิตไฟฟ้าและอุตสาหกรรม
แม้จะมีการออกโรงเตือนเรื่องการแบนเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ BMW ก็ยังคงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดิม โดยระบุว่า "การเคลื่อนที่ด้วยไฟฟ้าจะเป็นเทคโนโลยีหลักในอนาคตและเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักของเรา" ซึ่งหมายความว่าเราจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ Neue Klasse ในอนาคตอันใกล้นี้