มินิ ประเทศไทย เปิดตัวมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ เจเนอเรชันที่ 5 ที่มาแบบครบเครื่องในราคาที่จับต้องได้ เพียงแค่ 1,699,000 บาท มีมอเตอร์ไฟฟ้าที่แรงขึ้น แบตเตอรี่ใหญ่กว่าเดิม ชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร ที่สำคัญการขับขี่ยังคงเร้าใจในแบบโกคาร์ท ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมินิ มาตั้งแต่รุ่นแรก
รูปลักษณ์ภายนอก โดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงกลม ด้วยโหมดไฟซิกเนเจอร์ ที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Classic, Favoured และ JCW ดูสะดุดตาเคียงข้างกับกระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมโฉมใหม่
ตัวรถด้านหน้าสั้น ล้อขนาดใหญ่ขึ้น แต่ฐานล้อยาวขึ้น 3 เซนติเมตร ส่งผลให้พื้นที่ห้องภายในห้องโดยสารกว้างขึ้นมานิดหนึ่ง มือจับประตูกลมกลืนกับพื้นผิวของตัวรถไม่ได้ยื่นออกมาจากตัวรถ เช่นเดียวกับ ซุ้มล้อและขอบด้านข้างรถที่เสมอกับผิวตัวถังรอบคัน ด้านข้างไม่มีแถบสีดำเข้าคู่กับตัวถังที่เพรียวลม ส่วนด้านท้ายดีไซน์เปลี่ยนไป มาทรงสามเหลี่ยม แตกต่างจากรุ่นเดิม ใครเห็นจะรู้ทันทีว่านี่คือรุ่นใหม่
ภายในใหม่ทั้งหมดเลย แผงหน้าปัด แผงประตู และฝาปิดช่องเก็บของต่าง ๆ ภายในรถล้วนผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ รีไซเคิล 90 % ส่วนเบาะหนัง สไตล์สปอร์ต หรูหรา นุ่มนั่งสบาย วัสดุเป็นหนังสังเคราะห์แบบใหม่ที่นำมาใช้แทนหนังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนพื้นผิวหน้าแผงคอนโซลหุ้มด้วยผ้าถักลายตารางแบบทูโทน กล่องเก็บของบุด้วยผ้าถักจากวัสดุพิเศษ
ที่โดดเด่นเมื่อเข้ามาภายในรถคือ จอแสดงผล OLED ทรงกลม ทีมีความละเอียดสูงเป็นครั้งแรกของวงการยานยนต์ โดยส่วนบนหน้าจอจะเป็นพื้นที่แสดงข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่นความเร็วรถ สถานะแบตเตอรี่ ในขณะที่ส่วนที่เหลือของจอแสดงผลทรงกลมยังสามารถปรับเปลี่ยนให้แสดงข้อมูลการนำทาง เพลง รวมถึงฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อต่าง ๆ ได้อย่างครบครันและสะดวกง่ายดาย
หน้าจอ มินิ Inter action Unit ยังถือเป็นหัวใจสำคัญของโหมดการใช้งาน มินิ Experience ฟีเจอร์ ใหม่ที่ช่วยปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่เติมสีสันให้กับทุกเส้นทางได้ตามใจชอบ ด้วย 7 โหมด ไม่ว่าจะเป็น โหมดขับขี่ของตัวรถ เสียงจำลอง ตอนเหยียบคันเร่ง ช่วยเสริมบรรยากาศการขับขี่ โหมดมาตรฐาน Core Mode ห้องโดยสารจะได้รับการตกแต่งด้วยหน้าจอและไฟในโทนสี Laguna ที่เป็นหนึ่งในสีประจำตัวของมินิ พร้อมการขับขี่โหมด Comfort และเสียงจำลองแบบมาตรฐานที่ทั้งผู้ขับขี่และบุคคลภายนอกจะได้ยินไปด้วยกัน
และที่ประทับใจ โหมด Green Mode บนหน้าจอจะเป็นนกบินหากเราวิ่งแบบประหยัด แต่เมื่อเราเหยียบภาพหน้าจอจะเป็นเสือกำลังวิ่งอยู่ เป็นลูกเล่นที่น่ารักดี
นอกเหนือจาก 3 โหมด หลักนี้ มินิ Interaction Unit ยังมาพร้อมกับบุคลิกและลูกเล่นที่โดดเด่นมากขึ้นในอีก 4 โหมด นับตั้งแต่ความสามารถในการซิงค์แสงไฟภายในกับภาพปกอัลบั้มของเพลงที่กำลังเล่นใน Vivid Mode จากการใช้เทคโนโลยีลูกเล่นสี Color Grabber และการรองรับภาพพื้นหลังที่เลือกเองได้ใน Personal Mode ไปจนถึงการสะท้อนภาพประวัติศาสตร์สุดคลาสสิกของมินิ ผ่านทั้งภาพและเสียงใน Timeless Mode หรือบรรยากาศความเรียบง่ายสงบ สบาย ใน Balance Mode
ด้านล่างของหน้าจอ จะได้เห็นแผงควบคุม Toggle Bar ดีไซน์ใหม่ จะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงฟังก์ชันสำคัญต่าง ๆ ในการขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายง่ายดาย เพียงแค่ยื่นมือไป เจอเบรกมือ สวิตช์เกียร์ ปัดขึ้นลง สวิตช์หมุนสตาร์ท ดับเครื่อง สวิตช์สลับโหมด มินิ Experience หรือปุ่มควบคุมระดับเสียงเพลง
ขุมพลังของ มินิ คูเปอร์ เอสอี โฉมใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ส่งกำลัง 160 กิโลวัตต์ 218 แรงม้า และแรงบิด 330 นิวตันเมตร ทั้งยังทำงานผสานกับช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่คล่องตัว ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ฐานล้อที่ยาวขึ้นและขยับไปชิดมุมรถทั้ง 4 ด้าน ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น คงไว้ซึ่งสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ท ไว้ได้อย่างครบถ้วน การบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ
แบตเตอรี่ แรงดันสูง 54.2 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 402 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP นอกจากนี้ตำแหน่งการติดตั้งแบตเตอรี่ในพื้นที่รถยังทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่งผลให้รถมีความสามารถในการยึดเกาะและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม
แบตเตอรี่ รองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ในขณะที่การชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ โดยในโหมด DC จะสามารถชาร์จาก 0 % ถึง 80% ในเวลาเพียงไม่ถึง 30 นาที นอกจากนี้ แบตเตอรี่รุ่นนี้ยังรองรับการตั้งค่าการชาร์จต่าง ๆ เช่น เวลาชาร์จระดับแบตเตอรี่ที่ต้องการและอื่น ๆ พร้อมการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่จากหน้าจอมือถือผ่าน MINI APP
สำหรับการขับขี่ ต้องบอกว่า โกคาร์ท ฟิลลิ่ง ที่ถือเป็นคาแรกเตอร์ของมินิยังคงอยู่ ถ้าเป็นแฟนมินิจะชอบแบบนี้ มันจะได้อารมณ์ขับสนุก แต่ถ้าไม่ใช่อาจจะไม่ชอบเพราะช่วงล่างมันจะกระเทือนตามสไตล์มินิ แต่อย่างไรก็ตามการสะเทือนน้อยกว่ารุ่นที่ผ่านมา
การขับขี่ของมินิรุ่นนี้ ความคล่องตัวสูง พวงมาลัยไวมาก ขยับนิดเดียวไปเลย คันแร่งกดมา กดมาอย่างรวดเร็ว เบรกตื้น ต้องปรับตัวในการขับช่วงแรก แต่พอขับไปเรื่อยๆ การขับขี่ก็เริ่มสนุก ยิ่งตอนกระแทกเท้าไปที่คันเร่ง ความแรงมาตามเท้าเลย 217 แรงม้า ถือว่าแรงมากสำหรับรถไซส์เล็ก แบบนี้ เหลือเฟือย
คันนี้ถ้าใช้งานในเมืองถือเป็นรถที่ขับง่าย ควบคุมง่าย ซอกแซกไปตามสภาพการจราจรได้เป็นอย่างดี พวงมาลัยแม่นยำให้การตอบสนองดี ช่วงล่างเกาะถนน แต่ถ้าคุณชอบความนุ่มสบายก็หาไม่ได้จากรถมินิ เพราะอย่างที่กล่าว รถมินิมี DNA มาจากรถ GO-Kart ซึ่งเป็นสิ่งที่ มินิ ยึดมั่นมาโดยตลอด
ส่วนการใช้งานนอกเมือง เพียงแค่กดคันเร่งจะได้อารมณ์สปอร์ต ขับสนุก เข็มวัดความเร็วกวาดไปอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะตัวรถนิ่งมาก บนถนนลาดยางแบบเรียบ ๆ มันสนุกมาก ถ้าเราปรับโหมดจะมีเสียงเวลาเหยียบคันเร่งที่แตกต่างกัน ลูกเล่นตรงนี้ผู้เขียนชอบมาก ในเรื่องของความแรงนั้นไม่มีอะไรที่น่ากังวล อัตราเร่งแรงเกินตัว การเข้าโค้งทำได้อย่างมั่นใจ
สรุป หากต้องการรถที่ขับสนุก แรง ช่วงล่างหนึบ ตัวรถกะทัดรัด หน้าตาทันสมัย น่ารัก สไตล์โมเดล ขอเชียร์คันนี้ เลย ที่สำคัญราคาดีด้วย