พาชมสเปก NETA L ใหม่ เอสยูวีไฟฟ้า 5 ที่นั่ง พร้อมขุมพลังที่มีให้เลือกทั้งไฟฟ้าล้วน 100% และไฮบริด EREV (Extended Range) ขับขี่ต่อเนื่องไกลสูงสุดถึง 1,300 กม. มีลุ้นขายไทยช่วงครึ่งหลังปี 2567 นี้
NETA L ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งานปักกิ่งมอเตอร์โชว์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยยังคงเน้นคอนเซ็ปต์ "Touchable Smart EV" หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ด้วยราคาจำหน่ายรุ่นไฟฟ้าล้วนเริ่มต้น 139,900 หยวน หรือประมาณ 690,000 บาท และรุ่นไฮบริด EREV เริ่มต้น 129,900 หยวน หรือประมาณ 640,000 บาท
NETA L ถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มเดียวกับ NETA S มีขนาดความยาวตลอดคัน 4,770 มม. ความกว้าง 1,900 มม. ความสูง 1,660 มม. และความยาวฐานล้อ 2,810 มม. ใกล้เคียงกับคู่แข่ง Deepal S07 พร้อมห้องโดยสารรองรับได้ 5 ที่นั่ง
ในรุ่นไฟฟ้าล้วน 100% ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 231 แรงม้า (170 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ Lithium Iron Phosphate ความจุ 68 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางขับขี่ราว 510 กม. ต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้ง (ตามมาตรฐาน CLTC)
ส่วนรุ่นไฮบริด EREV ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าชุดเดียวกับรุ่นไฟฟ้าล้วน (231 แรงม้า / 310 นิวตัน-เมตร) แต่เสริมด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในการขับเคลื่อน พร้อมแบตเตอรี่ Lithium Iron Phosphate ให้เลือก 2 ขนาด คือ 30 kWh และ 40 kWh
รุ่นแบตเตอรี่ 30 kWh สามารถทำระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนสูงสุด 220 กม. เมื่อรวมกับน้ำมันเต็มถัง (ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร) จะขับขี่ไกลสูงสุด 1,250 กม. ส่วนรุ่นแบตเตอรี่ 40 kWh ขับขี่ด้วยไฟฟ้าไกลสูงสุด 310 กม. และเพิ่มเป็น 1,300 กม. เมื่อรวมกับน้ำมันเต็มถัง (ทั้งหมดภายใต้มาตรฐานการทดสอบ CLTC)
NETA L ถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานครบครันไม่แพ้คู่แข่ง ภายนอกติดตั้งล้อที่มีทั้งขนาด 18 นิ้ว และ 19 นิ้ว, หลังคาพาโนรามิกซันรูฟเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า, มือเปิดประตูไฟฟ้าแบบเรียบไปกับตัวถัง, ระบบกุญแจ Mobile Digital Key, ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และระบบจ่ายไฟภายนอกสูงสุด 3.3 กิโลวัตต์
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว จำนวน 2 จอเชื่อมต่อกัน โดยแบ่งเป็นหน้าจอกลาง 1 จอ และจอสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าอีก 1 จอ ส่วนจอแสดงข้อมูลการขับขี่จะถูกแยกไว้ต่างหาก ชูจุดขายด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155P ที่สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว รองรับระบบคำสั่งเสียงแบบ AI และระบบอัปเกรดเฟิร์มแวร์แบบ Over-the-air
ส่วนเบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังระดับพรีเมียม สามารถปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางฝั่งผู้ขับขี่ พร้อมฟังก์ชันนวดผ่อนคลาย และปรับไฟฟ้า 14 ทิศทางฝั่งผู้โดยสาร ซึ่งถูกเพิ่มเติมด้วยเบาะรองน่องและระบบ Zero-gravity ที่สามารถปรับเอนเบาะนั่งทั้งตัวไปทางด้านหลังได้ ขณะที่เบาะนั่งตอนหลังก็สามารถปรับเอนได้ถึง 2 ระดับเช่นกัน
ด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็มีให้แบบเต็มพิกัด เช่น ช่องจ่ายไฟแบบ USB-A และ USB-C ที่ปล่อยไฟได้มากถึง 60 วัตต์, ที่ชาร์จไฟไร้สายกำลังสูงสุด 50 วัตต์, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา พร้อมระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ, ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสารปรับได้ 64 สี และระบบช่วยการขับขี่ NETA AD Intelligent Driving Assistance System เป็นต้น
