ซีอีโอ เสียวหมี่ ขอบคุณมาตรการแซงก์ชันแบบไม่คาดคิดของคณะบริหารทรัมป์เมื่อต้นปี 2021 อันเป็นสาเหตุให้บริษัทตัดสินใจขยายธุรกิจและหันมารุกตลาดอีวี ซึ่งได้รับการต้อนรับถล่มทลายนับตั้งแต่เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก ล่าสุดเสียวหมี่ยังเผยโฉมต้นแบบอีวีใหม่ SU7 Ultra ที่มาพร้อมขุมพลัง 1,548 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 350 กม.ต่อชม. และถูกคาดหวังให้เป็นรถ 4 ประตูที่เร็วที่สุดในโลก
เสียวหมี่ที่โด่งดังจากสมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ พาตัวเองเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีผู้เล่นแออัดในปีนี้ อันเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขยายสายผลิตภัณฑ์
ในการประชุมประจำปีที่ปักกิ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 ก.ค.) เหลย จุน ซีอีโอเสียวหมี่ เล่าว่า บริษัทเริ่มพิจารณาผลิตอีวีหลังจากสิ่งที่เขาเรียกว่า “อุบัติเหตุ” ซึ่งหมายถึงตอนที่เพื่อนคนหนึ่งโทรมาบอกว่า เสียวหมี่ถูกคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา แซงก์ชันแบบไม่คาดคิดทั้งที่กำลังจะหมดวาระในอีกไม่กี่วัน
เหลยเล่าต่อว่า เสียวหมี่เรียกประชุมบอร์ดฉุกเฉินทันทีและตัดสินใจเริ่มต้นพัฒนารถยนต์ไฟฟ้านับจากวันนั้น
งานประชุมเมื่อวันศุกร์ที่เหลยให้รายละเอียดความพยายามของเสียวหมี่ในการเปิดตัวอีวีที่ดึงดูดลูกค้าให้ทิ้งเทสลา บีเอ็มดับเบิลยู อาวดี้ และเมอร์เซเดส ถูกสตรีมโดยผู้ใช้กว่า 1.5 ล้านคนบนแพลตฟอร์มวีแชต
เสียวหมี่ฟ้องร้องในปี 2021 และศาลตัดสินให้ยกเลิกมาตรการแซงก์ชันที่จะจำกัดการลงทุนของอเมริกาในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน ซึ่งตอนนั้นเหลยบอกว่า เริ่มพัฒนา SU7 หรืออีวีที่มีรูปลักษณ์ละม้ายปอร์เช่แต่ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 30,000 ดอลลาร์ไปแล้ว
เหลยสำทับว่า เคยปฏิเสธข้อเสนอจากเวนเจอร์แคปิตอลที่จะสนับสนุนเงินทุนในการพัฒนาอีวีช่วงเริ่มแรกซึ่งอาจตีมูลค่ากิจการให้ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์
เสียวหมี่ตั้งเป้าส่งมอบ SU7 ที่ปัจจุบันยังวางจำหน่ายในจีนเท่านั้นให้ได้อย่างน้อย 100,000 คันในปีนี้ โดยเล็งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 120,000 คัน จากแรกเริ่มที่คาดไว้เพียง 76,000 คัน
ทั้งนี้ SU7 ได้รับการตอบรับดีมากแม้คุณภาพและความทนทานยังเป็นที่กังขาอยู่บ้างก็ตาม โดยขายหมดแทบจะทันทีหลังจากเปิดตัว และมีลูกค้าจองคิวรอรับรถยาวถึง 7 เดือน
เหลยบอกว่า บริษัทส่งมอบอีวีไปแล้วกว่า 25,000 คันเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน และคาดว่า จะส่งมอบเพิ่มถึง 100,000 คันภายในเดือนพฤศจิกายน ก่อนสำทับว่า คงต้องขอบคุณ “อุบัติเหตุ” เมื่อสามปีที่แล้วที่เร่งเร้าให้บริษัทต้องแตกธุรกิจเพราะกังวลกับผลกระทบจากมาตรการแซงก์ชันที่จะเกิดกับธุรกิจสมาร์ทโฟน
เขายังเปิดเผยเป้าหมายในใจคือการทำให้เสียวหมี่เป็น 1 ใน 5 ค่ายรถชั้นนำระดับโลก
ทั้งนี้ ระหว่างปราศรัยยอมรับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (18 ก.ค.) ทรัมป์ประกาศว่า จะยกเลิกกฎระเบียบการปล่อยไอเสียรถยนต์เข้มงวดที่มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งจะเก็บภาษีศุลกากรอีวีจีนที่ผลิตในเม็กซิโก 200% แต่จะสนับสนุนให้จีนลงทุนสร้างโรงงานในอเมริกา
เหลยจบการนำเสนอด้วยการเปิดตัวรถต้นแบบ SU7 Ultra หรืออีวี SU7 เวอร์ชันไฮเปอร์-สปอร์ต 4 ประตูที่ถูกวางตัวให้เป็นรถ 4 ประตูที่เร็วที่สุดในโลก
SU7 Ultra ให้พละกำลังสูงสุด 1,548 แรงม้า แรงกว่า SU7 Max หรือรุ่นที่อัปเกรดมาจาก SU7 กว่าสองเท่า ติดตั้งมอเตอร์ 3 ตัว ประกอบด้วย V8 สองตัว อีกตัวเป็น V6
อัตราเร่งของ SU7 Ultra คือ 0-100 กม./ชม. ภายใน 1.97 วินาที หรือ 0-200 กม./ชม. ภายใน 5.96 วินาที ความเร็วสูงสุด 350 กม.ต่อชม.
ตัวรถทั้งหมดทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อให้มีน้ำหนักเบาลงอยู่ที่เพียง 1,900 กิโลกรัม
ปัจจุบัน SU7 Ultra ยังเป็นเพียงรถต้นแบบ และยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่า เสียวหมี่มีแผนผลิตออกจำหน่ายหรือไม่
อย่างไรก็ดี ด้วยเป้าหมายในการทำให้ SU7 Ultra เป็นรถ 4 ประตูที่มีความเร็วสูงสุดในโลก เสียวหมี่เตรียมนำอีวีรุ่นนี้ลงทดสอบความเร็วในสนามแข่งนูร์บูร์กริงส่วนเหนือที่เยอรมนีในเดือนตุลาคม
ทั้งนี้ รถ 4 ประตูที่ทำเวลาเร็วที่สุดในนูร์บูร์กริงขณะนี้คือ Porsche Taycan Turbo GT ด้วยสถิติ 7:07.55 นาที สำหรับประเภทอีวีคือรถแข่ง Volkswagen ID.R ที่ทำเวลาได้ 6:05.336 นาที
เหลยทิ้งท้ายว่า บริษัทรถทุกแห่งล้วนต้องการท้าทายสนามนูร์บูร์กริงและคู่แข่ง และแม้มีแนวโน้มว่า เสียวหมี่อาจผิดหวัง แต่บริษัทจะสู้ต่อไปจนกว่าจะทำสำเร็จ