xs
xsm
sm
md
lg

IEA เชื่อตลาดรถไฟฟ้าไปได้ มีโอกาสแตะ 17 ล้านคันต่อปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่าตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ BEV อาจจะถึงทางตันในเรื่องของดีมานด์จากตลาดหลักๆ ของโลก แต่ทว่าทาง สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ IEA หรือ International Energy Agency ได้ประเมินว่า ตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าภายในปี 2025 ตัวเลขยอดขายต่อปีน่าจะแตะในระดับ 17 ล้านคัน หรือพูดง่ายๆ คือ ในรถยนต์แบบเดิมๆ 5 คันที่ถูกขายออกไป 1 ในนั้นจะต้องเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้า

ตามรายงาน Global EV Outlook ประจำปีของ IEA ฉบับล่าสุดที่ตีพิมพ์เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมแสดงให้เห็นว่า แม้จะมีความท้าทายในระยะสั้นสำหรับบางตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา แต่กองทัพของยานพาหนะพลังไฟฟ้าของโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำโดยจีน โดยไม่น่าแปลกใจ โดยที่เกือบ 1 ใน 3 ของรถยนต์ บนท้องถนนภายในปี 2030 จะเป็นรถไฟฟ้า

หลักฐานที่แสดงโดย IEA ชี้ให้เห็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยยอดขายรถยนต์พลังไฟฟ้าเติบโตประมาณ 25 % ในไตรมาสแรกของปี 2024 เทียบกับไตรมาสแรกของปี 2023 คือ สิ่งที่แสดงให้เห็นว่า รถยนต์พลังไฟฟ้ายังเป็นที่ต้องการของตลาดโดยรวม เรียกว่าแค่ไตรมาสแรกของปี 2024 นั้นมีตัวเลขใกล้เคียงกับยอดขายที่เกิดขึ้นทั้งปี 2020 เลยทีเดียว และถ้าในแง่ของอัตราการเติบโตแบบคงที่ลักษณะนี้ มีแนวโน้มว่า ยอดขายรถยนต์พลังไฟฟ้าทั่วโลกอาจจะสูงถึง 17 ล้านคันในอีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน


นอกจากนี้ ภายในสิ้นปีนี้ IEA คาดการณ์ว่าส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าอาจสูงถึง 45 % ในจีน, 25 % ในยุโรป และมากกว่า 11 % ในสหรัฐอเมริกา โดยได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยหลายๆ ด้าน เช่น การแข่งขันระหว่างผู้ผลิต ราคาแบตเตอรี่ที่ลดลง รวมถึงราคารถยนต์และการสนับสนุนนโยบายอย่างต่อเนื่องที่มาจากทางภาครัฐ

‘โมเมนตัมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แทนที่จะลดลง สิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าทำให้เห็นในตลาดทั่วโลก ดูเหมือนว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตระยะใหม่ คลื่นแห่งการลงทุนในการผลิตแบตเตอรี่ชี้ให้เห็นว่าห่วงโซ่อุปทานของ EV กำลังก้าวหน้าเพื่อตอบสนองแผนการขยายธุรกิจอันทะเยอทะยานของผู้ผลิตรถยนต์ ส่งผลให้ส่วนแบ่งของรถยนต์พลังไฟฟ้าบนท้องถนนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว’ Fatih Birol กรรมการบริหาร IEA กล่าว ‘ภายในปี 2030 รถยนต์เกือบหนึ่งในสามบนท้องถนนในประเทศจีน และเกือบหนึ่งในห้าทั้งในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปจะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกระทบที่สำคัญต่อทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์และภาคพลังงาน’

มีการคาดการณ์ยอดขายในปี 2024 จะมีความใกล้เคียงกับ 2023 ซึ่งเป็นปีที่ยอดขายรถยนต์พลังไฟฟ้ามีตัวเลขที่สูงด้วยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเกือบ 14 ล้านคัน หรือคิดเป็น 18 % ของรถยนต์ที่ขายทั้งหมด และเพิ่มขึ้นจาก 14 % ของยอดขายในปี 2022



จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกายังถือเป็นตลาดหลักของรถยนต์พลังไฟฟ้า และเป็นการแสดงให้เห็นถึงการกระจุกตัวในเชิงภูมิศาสตร์ของรถยนต์ประเภทนี้ ขณะที่ตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าเกิดใหม่ เช่น ภูมิภาคอาเซียนอย่างไทยและเวียดนามกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง โดยเฉพาะในปีที่แล้ว ซึ่งแต่ละตลาดมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าครองส่วนแบ่งประมาณ 10 % จากยอดขายรถยนต์ทั้งหมดของปี 2023 และจีนถือว่าผูกขาดยอดขายในตลาดกลุ่มนี้ โดยว่ากันว่า 70% ของรถยนต์พลังไฟฟ้าที่อยู่ในตลาดอาเซียนเป็นของแบรนด์จีน

Abhik Mukherjee นักวิเคราะห์ของ Counterpoint กล่าวกับ Asiafinancial ว่า "ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่งครองยอดขายรถยนต์ทั่วไป มีความล่าช้าในการนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาใช้ ทำให้ผู้ผลิตของจีนก้าวเข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ โดยบริษัทวิจัยระบุว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในไตรมาสแรก (เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม) เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

กลับมาที่ภาพรวมของตลาดโลกตามการประเมินของ IEA เกี่ยวกับการวางนโยบายของภาครัฐปัจจุบัน ภายในปี 2035 รถยนต์ใหม่ทุกคันที่วางจำหน่ายจะเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้า ซึ่งถ้าปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาด้านพลังงานและสภาพภูมิอากาศที่ประกาศไว้ของประเทศต่างๆ ครบถ้วนและตรงเวลา มีการประเมินว่าความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงต่อวันจะลดลงถึง 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน


อีกทั้งแบรนด์รถยนต์จีนหลายต่อหลายแบรนด์ก็ทำยอดผลิตและยอดส่งมอบแบบแตะหลักล้านหรือหลักแสนได้อย่างรวดเร็ว เช่น Li Auto เพิ่งฉลองครบรอบการส่งมอบรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ ซึ่งก็รวมถึงรถยนต์พลังไฟฟ้า คันที่ 800,000 ของตัวเองเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยใช้เวลาเพียง 54 เดือนเท่านั้นในการส่งมอบรถยนต์คันแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2019 ส่วน Zeekr ก็ส่งมอบรถยนต์รุ่น 001 คันที่ 200,000 ไปเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากเปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2021 และเริ่มส่งมอบรถยนต์คันแรกในวันที่ 2 ตุลาคมปีเดียวกัน

ส่วน BYD เองก็ฉลองครบรอบยอดขาย 1 ล้านคันสำหรับรถยนต์รุ่น Yuan ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีควาสมหลากหลายในเรื่องทางเลือกการขับเคลื่อนและเป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ หรือ NEV-New Energy Vehicle โดยรถยนต์รุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2022

นอกจากเรื่องของตัวรถในแง่ยอดขายแล้ว ทางIEA ยังพบว่ากำลังการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังไฟฟ้านั้น “อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้ทันกับความต้องการ” แม้ว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้น “อย่างรวดเร็วในทศวรรษหน้า” แต่กำลังการผลิตก็ยังซัพพอร์ตได้อย่างเพียงพอและทันการณ์

ตรงนี้จึงถูกมองว่าเป็นส่วนที่จะช่วยสนับสนุนและกระตุ้นให้การเข้าถึงรถยนต์พลังไฟฟ้าทำได้ง่ายขึ้น และเป็นการเพิ่มยอดขายในทางอ้อม แม้ว่าในปัจจุบัน แบรนด์รถยนต์จากยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาจะค่อนข้างเสียเปรียบในเรื่องของราคาจำหน่ายเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ผลิตรถยนต์จากจีนก็ตาม


กำลังโหลดความคิดเห็น