xs
xsm
sm
md
lg

"ฮอนด้า ซีวิค" ไมเนอร์เชนจ์ได้ขุมพลังไฮบริด 200 แรงม้าที่สหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฮอนด้า ซีวิค โฉมไมเนอร์เชนจ์รุ่นปี 2568 ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สหรัฐอเมริกา พกขุมพลังไฮบริดกำลังสูงสุดถึง 200 แรงม้า แรงสุดรองลงมาจากรุ่น Type R วางจำหน่ายแทนที่เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตรเดิม


ฮอนด้า ซีวิค ที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกามีให้เลือกทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบ็ก 5 ประตู แบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อย ได้แก่ LX (มีเฉพาะรุ่น 4 ประตู) และ Sport ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร และรุ่น Sport Hybrid และ Sport Touring Hybrid ติดตั้งเครื่องยนต์ Hybrid แทนที่เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตรเดิม

จุดเด่นของการปรับโฉมครั้งนี้คือการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินไฮบริดที่มีกำลังสูงสุดถึง 200 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร (232 ปอนด์-ฟุต) ซึ่งฮอนด้าระบุว่าเป็นมีพละกำลังมากที่สุดในตระกูลซีวิครองลงมาจากรุ่น Type R เพิ่มเติมด้วยระบบ Linear Shift Control ที่จำลองการเปลี่ยนเกียร์คล้ายกับเกียร์อัตโนมัติแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ โดยปัจจุบันฮอนด้ายังไม่เปิดเผยตัวเลขสมรรถนะออกมา ระบุเพียงแค่ว่าแรงกว่ารุ่นเทอร์โบ 1.5 ลิตรที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน


ฮอนด้ายังระบุด้วยว่าในรุ่นไฮบริดมาพร้อมระบบ Active Noise Control ที่ช่วยลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารลง ส่งผลให้มีระดับ NVH (Noise Vibration Harshness) ต่ำที่สุดในตระกูลซีวิคทั้งหมด ทั้งยังมีโหมดการขับขี่ Econ, Normal และ Sport ที่สามารถปรับระดับความไวของพวงมาลัย และเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของจอแสดงข้อมูลการขับขี่ได้ตามโหมดที่เลือกได้

ดีไซน์ภายนอกของรุ่นไมเนอร์เชนจ์ มีการออกแบบกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ ไฟท้ายถูกตกแต่งแบบรมดำเพิ่มความสปอร์ตยิ่งขึ้น รุ่น Hybrid ถูกเพิ่มด้วยวัสดุตกแต่งไฟหน้าสีเดียวกับตัวรถ และสเกิร์ตกันชนหน้า ส่วนรุ่น Sport จะถูกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำและล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ขณะที่รุ่น Touring ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดจะถูกเพิ่มเติมด้วยล้ออัลลอยสีทูโทน


ภายในห้องโดยสารมีการปรับปรุงใหม่เช่นกัน โดยรุ่น Hybrid จะถูกตกแต่งด้วยภายในสีเทา มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น หลังคามูนรูฟ, เบาะอุ่นคู่หน้า และระบบปรับอากาศแบบ Dual-zone ขณะที่รุ่น Sport Touring Hybrid เพิ่มเติมด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง, ระบบเสียง Bose พร้อมลำโพง 12 ตัว, หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย และช่อง USB-C ที่ด้านหน้า

ในรุ่น Sport Touring Hybrid ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดเป็นเพียงรุ่นเดียวที่ถูกติดตั้งระบบ Google built-in ที่มีฟังก์ชัน Google Assistant, Google Maps และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมจาก Google Play ได้ มาพร้อมแพ็กเกจดาต้าฟรี 3 ปี ซึ่งฮอนด้าระบุว่าจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบนำทางหรือระบบความบันเทิงได้อย่างสะดวกด้วยคำสั่งเสียงผ่านบริการ Google Assistant


ฮอนด้า ซีวิค ทุกรุ่นย่อยถูกติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda SENSING ที่ประกอบด้วย ระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Braking System (CMBS) ที่สามารถตรวจจับคนเดินถนนได้, ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW), ระบบป้องกันออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ (RDM) คู่กับระบบเตือนออกนอกเลน (LDW), ระบบช่วยประคองรถให้อยู่กลางเลน (LKAS) และระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ (ACC) โดยรุ่น Sport จะถูกเพิ่มเติมด้วยระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot พร้อมฟังก์ชันเตือนรถเคลื่อนผ่านขณะถอยหลัง (RCTA) มาให้ด้วย














กำลังโหลดความคิดเห็น