เมื่อเร็วๆ นี้ มาเซราติ ได้จัดกิจกรรมพิเศษ ‘Made in Thunder’ เป็นโชว์นวัตกรรม ความเป็นเอกลักษณ์ แรงบันดาลใจสุดสร้างสรรค์ และประสบการณ์ใหม่ที่มุ่งไปสู่การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ในอนาคต นับเป็นการโหมโรงของ ‘โฟลกอเร (Folgore) ’ ยนตรกรรมสายพันธุ์ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า100% พร้อมนำพาค่ายตรีศูลสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
มาเซราติ กรันคาบริโอ โฟลกอเร มากับความหรูหรา สง่างาม สะกดทุกสายตาด้วยบุคลิกรถสปอร์ตสุดท้าทาย การผสมผสานอย่างลงตัวของนวัตกรรมต่างๆ โดยที่ยังคงให้ความสุนทรีย์ในการขับอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย รวมถึงความประณีตทุกรายละเอียด โดยเป็นรถเปิดประทุน ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในเซกเมนท์ลักชัวรี่ ที่มากับสมรรถนะสูงสุดในปัจจุบัน ต่อเนื่องจาก มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร (Grecale Folgore) รถไฟฟ้าอเนกประสงค์รุ่นแรก ในประวัติศาสตร์ของค่ายตรีศูล ส่งผลให้ มาเซราติ มีรถไฟฟ้าหลากหลายประเภท ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ยนตรกรรมใหม่เหล่านี้ เป็นผลมาจากการรังสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ และเป็นสิ่งที่ทำให้ มาเซราติ ตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งวงการยานยนต์ของโลก ในยุคที่ยานยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ โดยมีแบรนด์หรูจากอิตาลี เป็นผู้นำในการผสานดีเอ็นเอของแบรนด์ในด้านสมรรถนะ เข้ากับรูปลักษณ์อันทันสมัย รวมถึงแรงบันดาลใจจากความก้าวล้ำของวิศวกรรมและเทคโนโลยี
เคลาซ์ บุสซ์ (Klaus Busse) หัวหน้าฝ่ายออกแบบ มาเซราติ และ เดวิด กราสโซ (Davide Grasso) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า มาเซราติ กรันคาบริโอ โฟลกอเร ตัวถังสีทองชมพู (Liquid Rose Gold) พร้อมกับหลังคาผ้าใบ สีเทา (Titan Grey) เข้ากันกับห้องโดยสารโทนฟ้าและขาว (Denim and Ice) เย็บตะเข็บสีตัดกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่น ของโปรแกรม มาเซราติ ฟูโอริเซรี (Maserati Fuoriserie) ให้ลูกค้ากำหนดรายละเอียดการตกแต่งได้ตามต้องการ ก่อนจะไปถึงจุดเด่นต่างๆ ของรถ นับตั้งแต่ดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา สมรรถนะเหนือระดับ สุ้มเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ โฟลกอเร และเทคโนโลยีจากรถแข่ง ฟอร์มูล่า อี ที่นำมาปรับใช้กับสายการผลิต
เดวิด กราสโซ กล่าวทิ้งท้ายว่า “หากไม่มีอิตาลี ก็คงไม่มี มาเซราติ ซึ่งวันนี้ ได้เริ่มการเข้าสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เต็มรูปแบบ”
โฟลกอเร คือ เสียงสะท้อนจากอนาคตของ มาเซราติ ประดุจสายฟ้าที่สะสมพลังงาม และก่อเกิดระเบิดเป็นพลังในการสร้างอนาคตของค่ายตรีศูล