xs
xsm
sm
md
lg

“CHANGAN ” เผยความคืบหน้าโรงงานผลิต จ.ระยอง พร้อมผลิต Q1ปี 2568

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“CHANGAN Automobile” ผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ประกาศความสำเร็จ และคืบหน้าโครงสร้างหลักของโรงพ่นสี ณ โรงงานผลิตแห่งใหม่ใน จ.ระยอง แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 8 เมษายน ถือเป็นก้าวสำคัญนับตั้งแต่พิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โครงการนี้ยังคงเป็นไปตามกำหนดการ โดยจะมีการปรับผืนดิน และเทพื้นคอนกรีต ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนเมษายนนี้ ซึ่งจะปูทางไปสู่ระยะต่อไปในการติดตั้งอุปกรณ์กระบวนการผลิต และท่อจ่ายไฟต่อไป


นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด กรรมการผู้จัดการ และ ประธานบริษัท บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า CHANGAN เปิดเผยว่า โรงงานในจังหวัดระยองของฉางอานใช้เงินลงทุนกว่า 8.8 พันล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 250 ไร่ ถือเป็นฐานการผลิตรถยนต์ครบวงจรแห่งแรกในต่างประเทศของบริษัท


โดยโรงงานแห่งนี้ ได้รับการออกแบบตั้งแต่ต้นจนเป็น "โรงงานสีเขียว" ที่ผสมผสานอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และกระบวนการคาร์บอนต่ำ ซึ่งสะท้อนถึงความทุ่มเทของฉางอานในด้านความยั่งยืน โดยจะติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 6MW ซึ่งจะสามารถให้กำลังไฟได้ถึง 19% ของความต้องการไฟฟ้าทั้งหมดของโรงงาน และจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 5,000 ตันต่อปี


" CHANGAN Automobile เรามีความมุ่งมั่นต่อการทำตลาดในประเทศไทย และมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าฐานการผลิตใหม่ของเราไม่เพียงแต่บรรลุผลสำเร็จ แต่เกินเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเรา ทั้งยังจะไม่เพียงช่วยให้เราลดต้นทุนการดำเนินงาน แต่ยังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเราลงอย่างมากอีกด้วย" นายเซิน ซิงหัว กล่าว และกว่าต่อไปว่า

โรงงานระยองมีกำหนดจะเริ่มการผลิตได้ในไตรมาสแรกของปี 2568 โดยมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 100,000 คันต่อปี การขยายตัวนี้คาดว่าจะสร้างงานจำนวนมาก ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการจ้างงานในท้องถิ่นและการเติบโตทางเศรษฐกิจ


“ด้วยฐานการผลิตที่ทันสมัยนี้ ฉางอาน ตั้งเป้าที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีหลากหลายมากยิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภค และประสบการณ์การเดินทางที่ชาญฉลาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นการสร้างอนาคตที่ดีกว่า ร่วมกันเติบโตไปกับฉางอาน รวมถึงการให้บริการอีกด้วย” นายเซิน ซิงหัว กล่าวสรุปในตอนท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น