สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้เผยแพร่ บันทึกข่าวภายในของบริษัทเทสลา ระบุ ว่าบริษัท ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานทั่วโลกมากกว่า 10 % ซึ่งจะมีการเลิกจ้างเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากบริษัทต้องต่อสู้กับยอดขายที่ลดลง ท่ามกลางสงครามรถไฟฟ้าที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ซึ่งรายงานประจำปีล่าสุดของเทสลา มีพนักงาน 140,473 คน ทั่วโลก ในเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งบันทึกภายในไม่ได้ระบุว่ามีส่วนงานใดบ้างได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน แต่แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ปฏิเสธที่จะเปิดชื่อ และได้กล่าวกับนักข่าวรอยเตอร์ว่าเจ้าหน้าที่บางคนได้รับการแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการเลิกจ้างแล้ว อีลอน มัสก์ ซีอีโอ กล่าวในการบันทึกช่วยจำถึงความสำคัญการที่จะต้องลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ในขณะที่พวกเขาเตรียมบริษัทให้พร้อมเติบโตในระยะต่อไป
“ประมาณทุก ๆ 5 ปี เราจำเป็นต้องจัดระเบียบใหม่และปรับปรุงบริษัทเพื่อการเติบโตขั้นต่อไป”
อย่างไรก็ตามหุ้นของเทสลาร่วงลดลงไป 0.3 % ในการซื้อขายเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางบริษัท เทสลา ไม่ได้ตอบสนองใดต่อข้อเรียกร้องเพื่อให้แสดงคิดเห็นในทันที ทั้งนี้เทสลา บันทึกผลกำไรโดยรวมในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 17.6 % ต่ำสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้วได้เลิกจ้างพนักงาน 4 % ในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรอบการทบทวนของการปฏิบัติงาน
การประกาศเลิกจ้างในวันนี้ถือเป็นข่าวร้ายล่าสุด สำหรับ เทสลา
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าเทสล่า ล้มเลิกแผนการผลิต เทสลา MODEL 2 รุ่นเล็กราคาประหยัด โดยจะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 25,000 ดอลลาร์ เนื่องจากหันไปมุ่งเน้นแท็กซี่ไร้คนขับแทน ทั้งนี้เนื่องจากว่า บริษัทเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการ EVลดลงและต้องการ EVราคาไม่แพงมากขึ้น ที่ผู้ผลิตในจีนปล่อยออกมาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ เทสลา เสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลกให้กับ BYD ของจีน ซึ่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ 3.02 ล้านคัน เทียบกับ เทสลา ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ 1.81 ล้านคัน