ฟอร์ด ประเทศไทย รับกำลังศึกษาข้อมูลการทำตลาดรถยนต์รุ่นใหม่ “Bronco” – “Territory” ลุ้นมีสิทธิ์ขายในไทยได้ ขึ้นกับลูกค้า ระบุตลาดอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลง พร้อมประกาศขึ้นราคา Ranger-Everest ตั้งแต่ 5,000-30,000 บาท ย้ำไม่เกี่ยวกับการปรับมาตรฐานไอเสียยูโร5

นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดรถยนต์โดยรวมของประเทศไทยในปีที่ผ่านมาคาดว่าจะมียอดขายรวมทั้งสิ้นประมาณ 770,000 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้า โดยฟอร์ดมีการขายที่ลดลงด้วยเช่นเดียวกัน โดยมีปัจจัยหลากหลายอย่างเช่น การเข้มงวดของสินเชื่อ และการชะลอตัวของผู้บริโภค
ทั้งนี้ ฟอร์ดได้มีการประกาศปรับขึ้นราคาจำหน่ายรถยนต์ทุกรุ่น ทั้ง Ranger และ Everest ตั้งแต่ 5,000-30,000 บาท เนื่องจากไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นมานานแล้ว ทั้งที่ต้นทุนการผลิตมีการขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เกี่ยวกับการปรับมาตรฐานไอเสียใหม่เป็นยูโร5 ที่อาจจะต้องมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังมีการบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ส่วนรถรุ่นใหม่ฟอร์ดมีการศึกษาข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา

“เราอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดเพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดย Bronco และ Territory อยู่ในแผนการศึกษาที่มีโอกาสนำมาขายในเมืองไทย ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทยเวลานี้ ทางฟอร์ดจับตาดูอยู่เช่นเดียวกัน แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ส่วนรุ่น Mustang ยังคงทำตลาดอยู่ในโมเดลปัจจุบัน ส่วนโมเดลใหม่ยังไม่มีแผน” นายรัฐการ กล่าว

สำหรับในปี 2566 ฟอร์ดมียอดขายรวมทั้งสิ้น 36,483 คัน ลดลง 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่มีสัดส่วนการตลาดอันดับที่ 4 ของตลาดรถยนต์รวมทั้งประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
ขณะที่สัดส่วนการขายรุ่น Ranger มีส่วนแบ่งในตลาดปิกอัพเพิ่มขึ้นจาก 8.5% เป็น 9.2% และ Everest มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 14% เป็น 19% โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด Ranger เพิ่มขึ้น 1% และ Everest เพิ่มขึ้น 3%



นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดรถยนต์โดยรวมของประเทศไทยในปีที่ผ่านมาคาดว่าจะมียอดขายรวมทั้งสิ้นประมาณ 770,000 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้า โดยฟอร์ดมีการขายที่ลดลงด้วยเช่นเดียวกัน โดยมีปัจจัยหลากหลายอย่างเช่น การเข้มงวดของสินเชื่อ และการชะลอตัวของผู้บริโภค
ทั้งนี้ ฟอร์ดได้มีการประกาศปรับขึ้นราคาจำหน่ายรถยนต์ทุกรุ่น ทั้ง Ranger และ Everest ตั้งแต่ 5,000-30,000 บาท เนื่องจากไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นมานานแล้ว ทั้งที่ต้นทุนการผลิตมีการขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เกี่ยวกับการปรับมาตรฐานไอเสียใหม่เป็นยูโร5 ที่อาจจะต้องมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังมีการบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ส่วนรถรุ่นใหม่ฟอร์ดมีการศึกษาข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
“เราอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดเพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดย Bronco และ Territory อยู่ในแผนการศึกษาที่มีโอกาสนำมาขายในเมืองไทย ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทยเวลานี้ ทางฟอร์ดจับตาดูอยู่เช่นเดียวกัน แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ส่วนรุ่น Mustang ยังคงทำตลาดอยู่ในโมเดลปัจจุบัน ส่วนโมเดลใหม่ยังไม่มีแผน” นายรัฐการ กล่าว
สำหรับในปี 2566 ฟอร์ดมียอดขายรวมทั้งสิ้น 36,483 คัน ลดลง 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่มีสัดส่วนการตลาดอันดับที่ 4 ของตลาดรถยนต์รวมทั้งประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
ขณะที่สัดส่วนการขายรุ่น Ranger มีส่วนแบ่งในตลาดปิกอัพเพิ่มขึ้นจาก 8.5% เป็น 9.2% และ Everest มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 14% เป็น 19% โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด Ranger เพิ่มขึ้น 1% และ Everest เพิ่มขึ้น 3%