โตโยต้า ไฮลักซ์ แชมป์ ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากรถต้นแบบ IMV 0 ที่ถูกเผยโฉมไปก่อนหน้านี้ โดย อากิโอะ โตโยดะ ได้นำเสนอแนวคิดโครงการ IMV 0 เมื่อปีที่ผ่านมา ก่อนจะเกิดเป็นรถต้นแบบเพื่อนำไปใช้เป็น Pace Car ในการแข่งขัน Endurance Race บุรีรัมย์ 25 ชั่วโมง และมีการเปิดตัวในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ จากนั้นจึงนำไปจัดแสดงที่งาน Japan Mobility Show เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่เปิดตัวIMV รุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ.2547 ได้มีการส่งมอบรถIMVให้กับลูกค้าชาวไทยแล้วจำนวนทั้งสิ้นกว่า2.7 ล้านคัน นอกจากประสบความสำเร็จด้วยการขายภายในประเทศแล้วเราได้ส่งออกรถในโครงการIMV กว่า4ล้านคัน ไปจำหน่ายยังประเทศอื่นๆ กว่า120 ประเทศจนโครงการIMVถูกขนานนามว่า "รถกระบะมหาชน"และได้สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนไทยกับโตโยต้า
เมื่อเริ่มต้นโครงการIMV0 ว่า“โปรเจ็กต์ใหม่นี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรุ่นใหม่ของIMV เท่านั้น แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้อนาคตของเราดีขึ้นและสดใสยิ่งขึ้นไปพร้อมกับคนไทย” ด้วยคำพูดนี้ทำให้การพัฒนาIMV 0 กลับสู่แนวคิดเดิมของIMV อีกครั้งและตั้งชื่อรถรุ่นนี้ว่า “HILUX CHAMP” เพื่อแสดงถึงเจตจำนงค์อันคืนสู่ความยอดเยี่ยมจากจุดกำเนิดของ “HILUX VIGO CHAMP"
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงแผนการตลาดสำหรับรถรุ่นนี้ว่า จุดเด่นของ “HILUX CHAMP” นอกเหนือจากกระบะพื้นเรียบ แบบเปิดได้ 3 ทางแล้ว โครงสร้างรถที่ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “Monozukuri” หรือ "Easy for Conversion" จึงทำให้ “HILUX CHAMP เป็นโซลูชั่นในอุดมคติสำหรับภาคธุรกิจ หรือ Start up นอกจากนี้ยังสามารถนำไปตกแต่ง หรือต่อเติมให้เข้ากับกิจกรรมสันทนาการ ได้หลากหลายไลฟ์สไตล์
ไฮลักซ์ แชมป์ ถูกพัฒนาให้เป็นรถกระบะท้ายเรียบแบบเปิดได้ 3 ทาง เพิ่มความสามารถในการบรรทุก สะดวกและทนทาน พร้อมโครงสร้างที่เอื้อต่อการดัดแปลง ช่วยลดต้นทุนและเวลา ลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการ ตอบโจทย์การใช้งานทั้งเชิงพาณิชย์และการใช้งานส่วนตัว ให้คุณเป็นอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ได้ ไปไหนก็ได้กับ ไฮลักซ์ แชมป์
ไฮลักซ์ แชมป์ มีช่วงล้อให้เลือก 2 ขนาด กับทางเลือกช่วงล้อสั้น 2,750 มม. มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.9 เมตร หรือช่วงล้อยาว 3,085 มม. บรรทุกตะกร้าขนาดมาตรฐานได้ถึง 16 ใบ มาพร้อมกระบะท้ายเรียบไม่มีซุ้มล้อ และเปิดได้ 3 ทาง
ภายนอกถูกออกแบบด้วยรูปทรงเหลี่ยม Retro Polygon แสดงออกถึงความทรงพลัง ผสานเข้ากับหลักการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน ไม่ว่าเป็นไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน, รูปทรงห้องโดยสารแบบโพลีกอนเพิ่มความแข็งแรงให้กับห้องโดยสาร สามารถเข้า-ออกได้อย่างสะดวก และกันชนหน้าแบบ Swept-back Angle แยกประกอบ 3 ชิ้น ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนและตกแต่ง ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ทำมุมเพื่อการขับในพื้นที่แคบได้อย่างสะดวก
ภายในห้องโดยสารถูกปรับเสา A ให้ชันขึ้นเพื่อทัศนวิสัยที่เปิดกว้าง และลดจุดบอดขณะเลี้ยว สร้างเอกลักษณ์ด้วยห้องโดยสารโทนสีดำ-ส้ม ตกแต่งด้วยวัสดุที่ง่ายต่อการบำรุงรักษา ติดตั้งเบาะนั่งแถวยาวแบบแยกส่วน 60:40 ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และแบบแยกในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ โดยสามารถปรับเลื่อนและเอนได้เพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่และโดยสาร
โตโยต้า ไฮลักซ์ แชมป์ ยังถูกออกแบบตามแนวคิด MONOZUKURI รองรับการประกอบและดัดแปลงเพิ่มเติมจากอู่ต่อตัวถังและสำนักแต่งรถ ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานเชิงพาณิชย์และการใช้งานส่วนตัว มาพร้อม Pre-hole บริเวณหลังคาและพื้นกระบะ โครงสร้างแชสซีส์แบบเรียบ และท่อน้ำมันเชื้อเพลิงแบบโค้งงอได้ รองรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้หลากหลายรูปแบบ
อีกทั้งยังถูกติดตั้งบันไดข้างสำหรับขึ้นกระบะแบบ Built-in พร้อมพื้นที่กระบะท้ายแบบเรียบและตะขอเกี่ยวสัมภาระด้านข้าง เพิ่มเติมด้วยฐานติดตั้งอุปกรณ์ ได้แก่ ฐานติดตั้งโครงหลังคา ฐานติดตั้งบริเวณพื้นที่ด้านหลังห้องโดยสาร ฐานติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งประตู ฐานติดตั้งตะขอยึดด้านข้าง และฐานติดตั้งอุปกรณ์เสริมอื่นๆ
โตโยต้า ไฮลักซ์ แชมป์ ถูกติดตั้งระบบ Fleet Telematics Service (FTS) by TOYOTA “ระบบบริหารยานพาหนะ และการขนส่งครบวงจรด้วย Built-in เทคโนโลยีจากโตโยต้า” ช่วยคุณบริหารรถยนต์ได้ง่าย และเต็มประสิทธิภาพ ให้การจัดการ และการดำเนินธุรกิจของคุณมีประสิทธิภาพทั้งด้านเวลา ต้นทุน และคุณภาพสินค้า โดยพร้อมทดลองใช้งานฟรี 3 เดือน
ระบบ FTS ดังกล่าวมาพร้อมฟังก์ชันต่างๆ ได้แก่ การตรวจสอบภาพรวมการใช้งานรถยนต์, ตรวจพิกัดรถ ติดตามตำแหน่งและสถานะรถแบบ Real time, ค้นหาประวัติย้อนหลังและเส้นทางการเดินรถ, รายงานประเมินและปรับปรุงการใช้งานรถยนต์ และรายงานการซ่อมบำรุง เตือนเพื่อให้บำรุงรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อยืดอายุการใช้งาน และวางแผนการซ่อมบำรุงได้อย่างแม่นยำ
มั่นใจเต็มร้อย พร้อมปกป้องทุกเส้นทางด้วย ระบบป้องกันล้อล็อก AB (Anti-lock Brake System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake – force Distribution) ถุงลมเสริมความปลอดภัย 2 ตำแหน่ง โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ช่วยดูดซับแรงกระแทกรอบด้านได้ดีเยี่ยม และเข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงรั้งกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ
เปิดโอกาสให้ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยความหลากหลายของอุปกรณ์ตกแต่งมากกว่า 70 รายการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย เช่น เครื่องเล่นวิทยุพร้อมจอ ชุดตกแต่ง Smart&Cool แพ็คเกจ ประกอบด้วย ชุดตกแต่งกันชนหน้า ชุดตกแต่งมุมกันชนหน้า คิ้วตกแต่งด้านข้าง และโลโก้ TOYOTA บนกระจังหน้าสีแดง
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เช่น พื้นปูกระบะ แร็คหลังคา ที่วางแก้ว และอุปกรณ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ เช่น กล้องบันทึกภาพด้านหน้า สัญญาณกะระยะถอยหลัง และกล้องมองหลัง โดยอุปกรณ์ตกแต่งแท้โตโยต้า ให้การรับประกันสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กม.
แรงเต็มพลังกับเครื่องยนต์ 3 ทางเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร กำลังสูงสุด 166 แรงม้า (122 กิโลวัตต์) ที่ 5,200 รอบ / นาที เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 139 แรงม้า (102 กิโลวัตต์) ที่ 5,600 รอบ / นาที และเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (110 กิโลวัตต์) ที่ 3,400 รอบ / นาที
ระบบเกียร์มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ตอบสนองฉับไว เร่งจังหวะได้ดั่งใจ เพิ่มความมั่นใจในทุกการขับ และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย)
ราคาอย่างเป็นทางการ
เบนซิน 2.0 ฐานล้อสั้น
- Hilux Champ SWB 2.0 MT 459,000 บาท
เบนซิน 2.7 ฐานล้อสั้น
- Hilux Champ SWB C&C 2.7 AT Plus 487,000 บาท
- Hilux Champ SWB 2.7 AT 499,000 บาท
ดีเซล 2.4 เทอร์โบ ฐานล้อยาว
- Hilux Champ LWB C&C 2.4 MT 499,000 บาท
- Hilux Champ LWB 2.4 MT 527,000 บาท
- Hilux Champ LWB 2.4 AT 562,000 บาท
ดีเซล 2.4 เทอร์โบ ฐานล้อสั้น
- Hilux Champ SWB C&C 2.4 AT Plus 536,000 บาท
- Hilux Champ SWB 2.4 AT Attractive Package Plus 577,000 บาท
โครงสร้างที่ถูกออกแบบเพื่อการดัดแปลง ด้วยการออกแบบตามแนวคิด MONOZUKURI ดีไซน์โครงสร้างที่พร้อมรองรับการประกอบ และการดัดแปลงเพิ่มเติมจากอู่ต่อตัวถัง และสำนักแต่งรถ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายและสร้างโอกาสทั้งในเชิงพาณิชย์และการใช้งานส่วนตัว
1.เพื่อการติดตั้งอุปกรณ์เสริม:Pre-hole บริเวณรางหลังคา และพื้นกระบะ ,โครงสร้างแชสซีส์แบบเรียบ ,ท่อน้ำมันเชื้อเพลิงแบบโค้งงอได้
2.เพื่อการใช้งาน :บันไดข้างสำหรับขึ้นกระบะแบบBuilt-in ,พื้นที่กระบะแบบท้ายเรียบ ,ตะขอเกี่ยวสัมภาระด้านข้าง
3.ฐานแต่งตั้งอุปกรณ์ :ฐานติดตั้งโครงหลังคา ,ฐานติดตั้งบริเวณพื้นที่ด้านหลังห้องโดยสาร ,ฐานติดตั้งอุปกรณ ์ตกแต่งประตู ,ฐานติดตั้งตะขอยึดด้านข้าง ,ฐานติดตั้งอุปกรณ์เสริม
สำหรับเป้าหมายการขายจะอยู่ที่ประมาณ 1,500 คันต่อเดือน พร้อมเปิดรับจองและเริ่มจัดส่งให้กับลูกค้าตั้งแต่เดือนมกราคม ปีหน้าเป็นต้นไป เจอตัวจริงได้ในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป วันที่29 พฤศจิกายน นี้