ค่ายฮอนด้า เชิญสื่อมวลชนไปญี่ปุ่น และหนึ่งในกิจกรรมของการมาเยือนครั้งนี้ ได้มีโอกาส สัมผัส ฮอนด้า e:N1(สำหรับตลาดยุโรปใช้ชื่อว่า e:NY1 ) รถยนต์ไฟฟ้า 100 %
ฮอนด้า e:N1 เป็นรถไฟฟ้ารุ่นที่สองของฮอนด้าซึ่งถูกเปิดตัวออกมาที่ยุโรปเพื่อทำตลาดในกลุ่มรถเอสยูวีไฟฟ้าบี-เซ็กเมนต์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ส่งรถแฮทช์แบ็กไฟฟ้า e ออกมาทำตลาดเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรก โดย e:N1 อยู่บนแพลตฟอร์ม e:N Architevture F ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์หน้า
ด้านการออกแบบภายนอกของ e:N1 มีความแตกต่างจากรถของฮอนด้าทั่วไปเพื่อแสดงถึงการเป็นรถไฟฟ้า พร้อมกับมีระยะ Overhang ด้านหน้าที่สั้น มีฐานล้อที่กว้างและล้อขนาดใหญ่ โดยด้านหน้าของรถมีความโดดเด่นด้วยกระจังหน้าที่เรียบตกแต่งด้วยสีดำเงาด้านล่าง และไฟ LED ยาวเหนือไฟหน้าทั้งสองฝั่ง นอกจากนี้รถยังมีเส้น Belt line และ Character Line ที่เฉียบคมพร้อมกับเน้นพื้นผิวที่เรียบเนียนบนตัวรถ ส่วนด้านหลังมีการออกแบบให้ไฟต่างๆ รวมอยู่ในชุดโคมเดียวกัน และมีเส้นไฟท้ายยาวเต็มความกว้างเพื่อเสริมให้ด้านหลังของรถดูกว้างและมั่นคงขึ้น รวมไปถึงมีการใช้โลโก้ใหม่ที่ด้านหน้าและใช้รูปแบบตัวหนังสือใหม่ที่ด้านหลังสำหรับรถไฟฟ้า
ส่วนห้องโดยสารของรถเน้นการใช้วัสดุคุณภาพสูงและความสบาย โดยถูกระบุว่านำแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติเพื่อให้มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังมีการปรับรูปแบบที่นั่งใหม่เพื่อให้รองรับสรีระและมีความนุ่มในส่วนที่สัมผัสบ่อย ในขณะที่แผงหน้าปัดขนาด 10.25 นิ้วถูกวางตำแหน่งให้ต่ำลงเพื่อไม่ให้บดบังมุมมอง รวมไปถึงมีการจัดวางคอนโซลกลางใหม่ การควบคุมต่างๆ อยู่ในระยะที่เอื้อมถึงง่าย สำหรับจอ Infotainment ตรงกลางมีขนาด 15.1 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี HMI ใหม่ที่เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางมีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายสำหรับการเชื่อมต่อผู้ใช้ รถ และโลกภายนอก
ระบบขับเคลื่อนของรถเอสยูวีไฟฟ้าบี-เซ็กเมนต์จากฮอนด้าใช้แพกเก็จมอเตอร์ 3-in-1 ที่รวมทั้งระบบขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบส่งกำลังไว้ด้วยกันที่เพลาหน้าของรถ มีกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ และให้แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ทำให้รถใช้เวลา 7.6 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วสูงสุดได้ 160 กม./ชม.
ด้านแบตเตอรีลิเธียมไอออนของรถซึ่งถูกติดตั้งใต้พื้นรถมีความจุ 68.8 kWh ให้ระยะการเดินทางได้ถึง 412 กิโลเมตร สามารถชาร์จไฟจาก 10-80 เปอร์เซ็นต์ด้วยเวลา 45 นาทีเมื่อชาร์จกับที่ชาร์จแบบ DC ทำให้สามรถเดินทางต่อได้ 100 กิโลเมตรด้วยการชาร์จไฟ 11 นาที ส่วนการชาร์จไฟบ้านแบบ AC สามารถชาร์จไฟจาก 10-80 เปอร์เซ็นต์โดยใช้เวลา 6 ชั่วโมง
ในส่วนเทคโนโลยีความปลอดภัยของรถ Honda SENSING มีการใช้ทั้งกล้องหน้ารถ เรดาร์ และเซ็นเซอร์โซนาร์ทำงานร่วมกันสำหรับการทำงานต่างๆ เช่นระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องเดินรถ ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องเดินรถ รวมทั้งระบบช่วยขับขี่เมื่อรถติด
แม้ว่ารถคันนี้จะยังไม่ได้ออกจำหน่ายแต่เชื่อว่าในอนาคต คนไทยคงได้สัมผัสกับรถไฟฟ้าของค่ายนี้แน่นอน