หลังจากทางฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศไทย เชิญสื่อมวลชนไทยเข้าร่วมงาน “JAPAN MOBILITY SHOW ” แล้วยังมีโอกาสได้ร่วมสัมภาษณ์นายใหญ่ “โทชิฮิโระ มิเบะ” ซีอีโอ และผู้บริหารของ ฮอนด้า มอเตอร์ ญี่ปุ่น รวมถึงประธานฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) “ฮิเดโอะ คาวาซากะ ถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ “ฮอนด้า” ในอนาคต
-รถไฟฟ้ามาแรงช่วงนี้ อยากทราบวิสัยทัศน์ของฮอนด้า ทั้ง GLOBAL
วิชั่นปี 2030 ที่บริษัทเรากำหนดไว้ ว่าจะตอบสนองผู้คนทั่วโลกด้วยการเพิ่มศักยภาพของชีวิต ณ วันนี้วิสัยทัศน์นี้ยังคงอยู่และจะดำเนินธุรกิจตามที่วางไว้ ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้ามองในแง่ของบริษัทเราต้องทำอะไรต่อไป เราประกาศเป้าหมายใหญ่อีก 2 ด้าน คือภายในปี 2050 เราต้องการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และอีกด้านจากความที่เราเป็นบริษัท Mobility หรือบริษัทแห่งการขับเคลื่อน มีเป้าหมายลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากการใช้รถ ใช้ถนน ให้เหลือเป็นศูนย์
อีกประการหนึ่ง เมื่อเร็ว ๆนี้เราได้ประกาศ “GLOBAL SLOGAN” ใหม่ “The Power of Dreams-How we move you ” เป็นการปรับเปลี่ยนสโลแกนเพื่อสอดคล้องกับยุคสมัย การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า สิ่งที่เราต้องการจะสื่อคือว่า เราขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความฝัน เช่นพนักงานฮอนด้ามีความฝันอะไรก็พยายามทำความฝันให้เป็นจริง และมาช่วยให้ลูกค้าได้ทำความฝันของเขาให้เป็นความจริงด้วยเช่นกัน สำหรับสโลแกนใหม่นี้ถือเป็นการปรับเป้าหมายที่สูงขึ้นไปอีกมิติหนึ่งของความฝันและฮอนด้าจะดำเนินธุรกิจในลักษณะนี้และจะมีการขยายบริการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
-สัดส่วนการขายรถอีวี ,ไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด เท่าไร ในภูมิภาค
ภาพรวมของฮอนด้า ในปี 2050 มีแผนที่จะผลิตและจำหน่ายรถอีวีไม่น้อยกว่า 2 ล้านคัน มีสัดส่วนในเรื่องการขายรถอีวี และFuel cells จะเป็น 100 % รวมทั้งในตลาดเอเชีย และโอเชียเนีย รวมถึงประเทศไทย เพราะเป็นส่วนหนึ่งของ GLOBAL เช่นกัน แต่ในเรื่องสัดส่วนผมอาจจะยังไม่ตอบในที่นี้ เพียงแต่ว่าเราจะขยายสัดส่วนไฮบริดให้เพิ่มขึ้น
-การนำเข้าอีวีจากจีนมาไทยไหม
ตอนนี้การเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหลัก อยู่ที่สหรัฐอเมริกา และประเทศจีน เราจะตอบสนองกับความต้องการในตลาดนั้นให้มากขึ้น เรื่องการนำเข้ารถที่ผลิตจากจีนมาขายในประเทศอื่น ความเป็นไปได้ก็มี แต่ในอนาคตเราจะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของการผลิตรถอีวี ในภูมิภาคเอเชีย โอเชียเนีย มากกว่า
-ปัจจุบันตลาดอีวีจีนเข้ามาทำ ตลาดรถในกลุ่ม ดี-เซกเมนต์ เพิ่มขึ้น ฮอนด้า มีกลยุทธ์อย่างไรในการรับมือ
ตลาดดี-เซกเมนต์ ไม่ได้ถึงกับหดตัวมันก็ทรง ๆ ถึงแม้จะมีรถคู่แข่งที่เป็น EV เพิ่มมากขึ้น แต่ฮอนด้า เปิดตัว แอคคอร์ด รุ่นใหม่ ที่เป็น e:HEV กลางเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา แอคคอร์ด รุ่นนี้เป็นเจเนอเรชันที่ 11 แล้ว ในแง่ของตัวรถต้องบอกว่าเทคโนโลยี แอคคอร์ด รุ่นนี้มีความสมบูรณ์มาก และเราเองมีความมั่นใจว่า รถรุ่นนี้เป็นรถที่มีคุณค่าในตลาด สามารถวิ่งได้เป็น 1,000 กิโลเมตร ถ้าพิจารณาจากเรื่องสถานีชาร์จไฟฟ้ากับระยะทางวิ่งที่ลูกค้าใช้ ต่อวัน เราเชื่อว่าเครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นที่ 3 จะมีคุณค่ากับตลาดและลูกค้า เราเสนอเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริงในปัจจุบัน
-รถจีน เข้ามาทำตลาดทำให้เป็นสงคราม ราคา มองสถานการณ์นี้อย่างไร
รถบีเซกเม้นท์ที่เป็นของคู่แข่ง ถ้าพูดถึงในเรื่องของราคา มีความต่างอยู่ประมาณ 150,000 บาท ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า ตรงนี้มันมีส่วนต่างเกิดจากการช่วยเหลือของรัฐ แต่ทุกคนต้องทราบ แอคคอร์ด นั่งไปหลายปี ราคาขายต่อก็ยังสูงอยู่มาก ซึ่งเราเองมองว่าถ้าแอคคอร์ด มีราคาขายต่อดีมากแสดงว่ารถรุ่นนี้เป็นที่ยอมรับของตลาด ด้วยการแนวคิดต่างทำให้เราตั้งราคาที่ได้นำเสนอไปแล้ว เราตะหนักดีว่าถ้าเทียบกับ อีวี ราคาอาจจะแตกต่างกันประมาณแสนห้า แต่ราคาขายต่อ มันก็คงขึ้นอยู่การยอมรับของตลาดในอนาคต เข้าใจว่าคู่แข่งที่น่าจับตาดู แต่เราต้องแยกให้ออกว่าระหว่างสินค้าทีมี่ราคาขายต่อเป็นที่ลงตัวแน่นอน กระบะราคาขายต่อที่อนาคตไม่รู้จะเป็นอย่างไร อันนี้อาจจะต้องมองแยกกันในการกำหนดกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ