อีซูซุ ประกาศชัดเจนเดินหน้าพัฒนารถปิกอัพไฟฟ้า พร้อมจำหน่ายในปี 2025 อย่างแน่นอน ประเดิมตลาดยุโรป ส่วนเมืองไทย รอความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน ลั่นตั้งไลน์ผลิตในไทย ระบุตลาดปิกอัพร่วงหนัก 26.8% เหตุปัจจัยลบรุมหลายด้านทั้ง อัตราเงินเฟ้อ ธุรกิจสะดุด สงคราม เศรษฐกิจชะลอตัว
บทความสรุปคำสัมภาษณ์คณะผู้บริหาร บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด นำโดย ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ, ทาเคชิ คาซาฮาระ รองกรรมการผู้จัดการ และ ปนัดดา เจณณวาสิน ประธานที่ปรึกษา ซึ่งกล่าวถึงภาพรวมของตลาดรถปิกอัพในไทยและทิศทางการทำตลาดรถยนต์อีซูซุในอนาคต
• ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคมที่ผ่านมานั้น ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมีการชะลอตัว โดยตลาดรถยนต์รวมขายได้ทั้งหมด 526,489 คัน ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รถปิกอัพรวมทุกประเภททุกแบรนด์มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 189,555 คัน หดตัวลง 26.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ดังนั้นภาพรวมของตลาดปิกอัพหดตัวลงมากกว่าการหดตัวของตลาดรถยนต์โดยรวม เนื่องจากตลาดรถปิกอัพเป็นรถที่ใช้ในการทำธุรกิจมากกว่าใช้ส่วนตัว
•ส่วนแบ่งตลาดรถปิกอัพในช่วง 8 เดือนแรกมีสัดส่วน 36% ของตลาดรวม นับว่าเป็นส่วนตลาดในระดับต่ำค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา
•ในมุมมองของอีซูซุการที่ตลาดปิกอัพถึงหดตัว เกิดจาก
1. อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น เนื่องจากรถปิกอัพส่วนใหญ่เป็นรถที่ใช้ในการทำธุรกิจ อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น ส่งผลรายได้ลดลง
2. ความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากผู้ใช้รถปิกอัพส่วนใหญ่จะซื้อเงินผ่อนและการปล่อยสินเชื่อมีความเข้มงวดมากขึ้นทำให้รถที่ผ่านการอนุมัติจากไฟแนนซ์มีจำนวนลดลง แม้ว่าความต้องการของลูกค้ายังคงมีอยู่ แต่ไฟแนนซ์ไม่ผ่าน จึงขายรถไม่ได้
3. ภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย รวมทั้งความขัดแย้งทางด้าน สงครามในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะรัสเซียกับยูเครน
• แม้ว่าอีซูซุ จะมี อีซูซุ ลิสซิ่ง ที่พยายามจะช่วยสนับสนุนการจำหน่ายรถอีซูซุในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ต้องไม่ลืมว่า อีซูซุ ลิสซิ่ง เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจไฟแนนซ์เหมือนกับบริษัทไฟแนนซ์อื่น ๆ มีต้นทุนการดำเนินงานที่ไม่ต่างกัน ถ้าลูกค้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง พร้อมปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า แต่ในกรณีลูกค้ามีปัญหากระแสเงินสด จำเป็นจะต้องเข้มงวดกับลูกค้าเหมือนกัน
• รถไฟฟ้าจากจีนเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยกันเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง ไม่ใช่รถปิกอัพ ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการทำธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ อีซูซุจึงยังมองไม่เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนจากปิกอัพไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแต่อย่างใด แต่จากข่าวที่เคยออกมาจากต่างประเทศว่า อีซูซุจะพัฒนารถปิกอัพไฟฟ้าและออกจำหน่ายในปี 2025 นั้นเป็นเรื่องจริง ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาและจะนำออกสู่ตลาดยุโรปก่อน เนื่องจากยุโรปมีความเข้มงวดในเรื่องกฎเกณฑ์และระเบียบต่าง ๆ มากขึ้น และจะตามมาด้วยประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย
แต่ต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างมาประกอบด้วยกัน เช่น ลูกค้าต้องการรถปิกอัพไฟฟ้าใช่หรือไม่ และระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ เกี่ยวกับรถไฟฟ้านั้นพร้อมหรือยัง จากนั้นพิจารณาทั้งหมดแล้วจึงจะนำออกจำหน่ายเป็นลำดับไป แต่สำหรับแผนการจำหน่ายรถปิกอัพไฟฟ้าของอีซูซุในประเทศไทยยังไม่ได้กำหนดปีที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าคนไทยเป็นหลัก จากที่เห็นรถปิกอัพไฟฟ้าไม่ได้วิ่งในตลาดของเรามากเท่าไหร่เลยหรือแทบจะไม่มีเลย ดังนั้นถ้าลูกค้าต้องการและปัจจัยต่าง ๆ สมบูรณ์ เราพร้อมที่จะนำรถปิกอัพไฟฟ้าออกมาในเวลาที่เหมาะสม
รถปิกอัพไฟฟ้าของอีซูซุจะมีฐานการผลิตจะอยู่ในประเทศไทยแน่นอน ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีเครื่องยนต์ไฮบริดด้วยไหม อีซูซุยังไม่ได้ตัดสินใจแต่มีการศึกษาเรื่องนี้
• อย่างไรก็ตามการกำจัดแบตเตอรี่ไฟฟ้าเป็นปัญหาหนึ่งในการผลิตรถอีวีและความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วย อีซูซุกำลังศึกษาเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนารถปิกอัพไฟฟ้าของเราด้วย
• อีซูซุยินดีกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน หรือ ICE และขณะเดียวกันรัฐบาลไทยก็สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าด้วย ดังนั้นอีซูซุจึงยินดีทั้ง 2 เรื่อง สำหรับความเป็นกลางทางคาร์บอนที่พูดกันบ่อย ๆ นั้น มันเป็นเป้าหมายหลักและมีความสำคัญกับทั้งประเทศไทยด้วยและต่อโลกด้วย ไม่ว่ารถยนต์สันดาปภายใน ICE รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ล้วนสามารถส่งเสริมนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนได้เหมือนกัน ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่รัฐบาลไทยต้องพิจารณาและให้ความสำคัญ คือ การรักษาห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนให้อยู่ในประเทศไทย เพราะมีบทบาทสำคัญในการจ้างงานในประเทศไทย การส่งออก และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
•ปัจจุบันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลไทยใช้อยู่ก็นับว่าได้ผลดีพอสมควร เป็นต้นว่า มาตรการการรักษาราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับคงที่ และมาตรการเกี่ยวกับการลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน มันจะส่งผลทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจต่ำลงอยู่แล้วก็น่าจะทำให้ตลาดดีขึ้น
•การที่อีซูซุอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 6 ทศวรรษ มีจ้างงานจำนวนมากมาตลอด ปัจจุบันเฉพาะกลุ่มอีซูซุมีพนักงานกว่า 20,000 คน และถ้าจะต้องประกอบอีวี งบการลงทุนอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูล ยังสรุปตัวเลขไม่ได้ในตอนนี้
•อีซูซุคาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์โดยรวมปีนี้น่าจะไปถึง 820,000 คัน ซึ่งยังไม่ได้แยกประเภทชัดเจน ปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดปิกอัพ 8 เดือนแรกอยู่ที่ 36% แต่คาดว่าสิ้นปีน่าจะได้ส่วนแบ่งปิกอัพในตลาดรวมใกล้เคียงกับที่ผ่านมา ประมาณ 36-40% ของตลาด หรือประมาณไม่เกิน 300,000 คัน ซึ่งในส่วนแบ่งการตลาด 36 % ของทุกแบรนด์ อีซูซุขายได้ 44% และเชื่อว่า รถรุ่นใหม่มีแรงดึงดูดพอที่จะทำให้ยอดจำหน่ายอีซูซุเพิ่มได้มากขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับตลาดโดยรวมด้วย หากตลาดโดยรวมหดตัว มีส่วนแบ่งตลาด 44% จำนวนคันจะน้อยลงตามสัดส่วน ตอนนี้ไม่ได้ห่วงเฉพาะปิกอัพ แต่คิดว่าทำยังไงเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นกว่าเดิม ถ้าเศรษฐกิจดี ธุรกิจต่าง ๆ ก็จะดีขึ้น ตลาดรถยนต์ก็จะตามมาด้วย
•ยอดจำหน่ายรถปิกอัพอีซูซุ 8 เดือนแรกอยู่ที่ 83,654 คัน ส่วนแบ่งตลาด 44% หดตัว 29%
•ยอดขาย 8 เดือนแรกของ MU-X อยู่ที่ 15,206 คัน ส่วนแบ่งตลาด 35.4% รถบรรทุกขนาดกลางและใหญ่ 10,536 คัน ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 53.8%
•ยอดขายปิกอัพอีซูซุปี 2565 มีจำนวน 175,425 คัน ส่วนแบ่งตลาด 45.2% แต่ปี 2566 นี้ตลาดปิกอัพหดตัวลงมามาก อีซูซุ ต้องพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้
รถปิกอัพ “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์” เหนือลิมิต...พิชิตโลก” พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
