"โตโยต้า เซนจูรี่" ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศญี่ปุ่น พลิกโฉมรูปลักษณ์กลายเป็นรถเอสยูวีหรูแบบเต็มตัว พร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด V6 3.5 ลิตร เคาะราคาจำหน่ายเริ่มต้น 25,000,000 เยน หรือประมาณ 6 ล้านบาท
นับตั้งแต่ที่ โตโยต้า เซนจูรี่ เจเนอเรชันที่ 1 เริ่มเดินสายการผลิตเมื่อปี 2510 ที่ผ่านมา ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถยนต์นั่งระดับหรูที่สุดที่พัฒนาภายใต้แบรนด์โตโยต้า โดยการปรับโฉมครั้งนี้แม้ว่าจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเป็นแบบเอสยูวี แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งแนวคิด "เดอะ โชเฟอร์" (The Chauffeur) หรือรถยนต์ที่เจ้าของรถจะเน้นเป็นผู้โดยสารมากกว่าที่จะขับขี่ด้วยตัวเอง
โตโยต้า เซนจูรี่ ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม TNGA พร้อมโครงสร้างตัวถังที่มีความแข็งแรงสูงเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มความสบายในการโดยสาร และเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเสียงรบกวนด้วยการติดตั้งกระจกแบบลามิเนตกั้นระหว่างห้องเก็บสัมภาระและห้องโดยสารด้านหลัง แตกต่างจากรถเอสยูวีทั่วไปที่สามารถทะลุถึงกันได้
รูปลักษณ์ภายนอกถูกออกแบบเน้นความหรูหราเต็มพิกัด ด้วยไฟหน้าแบบ 4 ดวงในแต่ละข้าง รับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยรูปทรงตะแกรงไขว้ พร้อมโลโก้แบบแฮนด์เมดสำหรับรุ่นเซนจูรี่โดยเฉพาะ ขณะที่เส้นสายด้านข้างถูกเน้นศูนย์กลางไปยังห้องโดยสารตอนหลังเพื่อแสดงถึงความเป็นรถยนต์แบบลิมูซีนที่เน้นผู้โดยสารตอนหลังเป็นสำคัญ พร้อมดีไซน์ไฟท้ายที่ตกแต่งให้ดูกลมกลืนกับชุดไฟหน้า เสริมความโดดเด่นด้วยสีตัวถังตัดกันระหว่างส่วนบนและส่วนล่าง
ตัวถังของ โตโยต้า เซนจูรี่ เอสยูวี มีความยาวตลอดคันอยู่ที่ 5,205 มม. ความกว้าง 1,990 มม. ความสูง 1,805 มม. ความยาวฐานล้อ 2,950 มม. พร้อมห้องโดยสารรอบรับได้ 4 ที่นั่ง (เทียบกับ เซนจูรี่ ซีดาน ที่สามารถรองรับได้ 5 ที่นั่ง)
เบาะนั่งตอนหลังสามารถปรับเอนราบได้เกือบ 180 องศา เพื่อความสบายสูงสุดในการโดยสาร โดยเบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าจะถูกเลื่อนและเอนไปด้านหน้ามากที่สุดเพื่อเพิ่มพื้นที่ช่วงขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ทั้งยังพัฒนาระบบเครื่องเสียงเพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกราวกับกำลังชมการแสดงสดอยู่ตรงหน้า
นอกจากนี้ ประตูคู่หลังยังสามารถเปิดออกได้กว้างถึง 75 องศา เพื่อการเข้า-ออกที่สะดวก เสริมด้วยบันไดข้างที่จะยื่นออกโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดประตู พร้อมมือจับบริเวณเสา ซีที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้การเข้าและออกจากห้องโดยสารเป็นไปอย่างธรรมชาติและยังคงไว้ซึ่งท่าทางที่สง่างาม
ด้านขุมพลังถูกติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริดแบบ V6 ขนาด 3.5 ลิตร ซึ่งโตโยต้าระบุว่าระบบปลั๊กอินไฮบริดในรถรุ่นนี้ได้รับการออกแบบให้ทำงานเสมือนกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) สำหรับการขับขี่ประจำวัน และทำงานแบบไฮบริด (PHEV) สำหรับการขับขี่ทางไกล และยังคงมีพละกำลังเหลือเฟือหากเจ้าของรถอยากรู้สึกเพลิดเพลินกับการขับขี่ด้วยตัวเอง
ขณะที่ระบบส่งกำลังเป็นแบบ E-CVT พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four Advanced อีกทั้งยังมีระบบเลี้ยว 4 ล้อ "Dynamic Rear Steering" ช่วยเพิ่มความง่ายในการควบคุมที่ความเร็วต่ำ และให้การขับขี่ที่เป็นธรรมชาติในช่วงความเร็วกลางและสูง รวมถึงถูกติดตั้งระบบ "Rear Comfort" เป็นครั้งแรก ซึ่งจะช่วยลดการโยกของตัวรถเมื่อชะลอตัวถึงจุดหยุดนิ่ง เพื่อความสบายสูงสุดของผู้โดยสารด้านหลังนั่นเอง
ทั้งนี้ โตโยต้า เซนจูรี่ ถูกตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 25,000,000 เยน หรือประมาณ 6 ล้านบาท ซึ่งจะถูกวางจำหน่ายผ่านดีลเลอร์ที่ได้รับการรับรองเท่านั้น โดยจะมีเจ้าหน้าที่ที่เรียกว่า The Meister สำหรับสื่อสารกับลูกค้าที่สั่งซื้อรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ เพื่อรังสรรค์รถแต่ละคันให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด พร้อมตั้งเป้าวางจำหน่ายไว้ที่ 30 คันต่อเดือน