มินิ คันทรีแมน เจเนอเรชันที่ 3 ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้วที่ยุโรป ปรับดีไซน์เน้นความมินิมอลรอบคันคัน เพิ่มขนาดตัวถังใหญ่กว่าเดิมทุกมิติ เพิ่มทางเลือกด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100% ในรุ่น Countryman E และ Countryman SE ALL4
มินิ คันทรีแมน เจเนอเรชันที่ 3 ใหม่ มีขนาดตัวถังใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าทุกมิติ โดยมีความยาวตัวถัง 4,433 มม. ความกว้าง 1,843 มม. ความสูง 1,656 มม. และความยาวฐานล้อ 2,692 มม. ขณะที่ตัวถังภายนอกถูกออกแบบเน้นความมินิมอลควบคู่ไปกับความโมเดิร์น แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์โอเวอร์แฮงก์สั้น กระโปรงหน้าสั้น ตัดกับฐานล้อที่ยาวพร้อมล้อขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นแนวทางการออกแบบดั้งเดิมของมินิ แต่เสริมบุคลิกที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
ดีไซน์ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยม พร้อมไฟไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดีที่เปลี่ยนจากทรงกลมมาเป็นทรงเหลี่ยมแทน อีกทั้งยังสามารถสั่งออปชันเสริมเพื่อเปลี่ยนเป็นไฟหน้าและไฟท้ายให้สามารถปรับรูปแบบแอลอีดีได้ถึง 3 แบบ เพื่อสร้างอารมณ์ที่ดูแตกต่างกันออกไป เสริมด้วยเสา C-pillar ที่สามารถเลือกตกแต่งแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นย่อย
ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งเน้นความมินิมอลเช่นกัน โดดเด่นด้วยหน้าจอ OLED ทรงกลมความละเอียดสูงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 240 มม. ทำงานเป็นทั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่และจออินโฟเทนเมนท์ พร้อมระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 ที่สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถได้ทั้งหมดด้วยคำสั่งเสียง และยังสามารถควบคุมผ่านการสัมผัสได้อย่างง่ายดาย รวมถึงมีปุ่มโฮมเพื่อให้หน้าจอกลับมายังหน้าแรกเสมอเช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน
จุดเปลี่ยนสำคัญอย่างอย่างหนึ่งของ มินิ คันทรีแมน ใหม่ อยู่ที่การปรับเปลี่ยนหน้าตาของ Toggle Bar ที่ใช้ในการควบคุมฟังก์ชันการขับขี่ที่สำคัญ (ได้แก่ เบรกมือ, ตำแหน่งเกียร์, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, ปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ และปุ่มควบคุมระดับเสียง) โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกตำแหน่งเกียร์จาก Toggle Bar ได้โดยตรง จึงไม่มีความจำเป็นต้องออกแบบให้มีคันเกียร์เหมือนกับรถยนต์ทั่วไป ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารจะแตกต่างกันไปตามแต่รุ่นย่อยที่เลือก โดยรุ่น Classic, Favoured และ JCW มาพร้อมแผงคอนโซลที่ถูกตกแต่งด้วยวัสดุถักทอเป็นครั้งแรก ช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้ดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้น เสริมด้วยหลังคากระจกพาโนรามิกที่สามารถเปิดออกได้ (เฉพาะครึ่งบานหน้า) พร้อมห้องเก็บสัมภาระท้ายขนาด 460 ลิตร ที่สามารถขยายเป็น 1,450 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง
มินิ คันทรีแมน จะยังคงมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 แต่ไฮไลต์อยู่ที่การติดตั้งขุมพลังไฟฟ้าล้วนในรุ่น MINI Countryman E ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 170 กม./ชม.
ส่วนอีกรุ่นเป็น MINI Countryman SE ALL4 พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุดรวม 313 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 494 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังไปยังล้อทั้ง 4 ข้าง สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 180 กม./ชม.
ทั้งสองรุ่นถูกติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดความจุ 66.45 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางสูงสุด 462 กิโลเมตรในรุ่น Countryman E และ 433 กิโลเมตรในรุ่น Countryman SE ALL4 อีกทั้งยังรองรับการชาร์จด่วนแบบ DC ด้วยกำลังไฟสูงสุด 130 kW จึงสามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ในเวลาต่ำสุดไม่ถึง 30 นาที
ทั้งนี้ มินิ คันทรีแมน เจเนอเรชันที่ 3 มีกำหนดเริ่มเดินสายการผลิตที่โรงงานในเมืองไลป์ซิก ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป