xs
xsm
sm
md
lg

"ลัมโบร์กินี Lanzador" ต้นแบบครอสโอเวอร์ไฟฟ้าจ่อขายจริงปี 2028

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลัมโบร์กินี Lanzador ต้นแบบครอสโอเวอร์ขุมพลังไฟฟ้า 100% พร้อมห้องโดยสารจัดวางแบบ 2+2 ที่นั่ง เผยโฉมครั้งแรกก่อนเริ่มเดินสายการผลิตจริงในปี 2571 ที่จะถึงนี้


ลัมโบร์กินี Lanzador ถูกเผยโฉมครั้งแรกที่งาน Monterey Car Week ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยพัฒนาให้เป็นรถจีทีแบบยกสูง (High ground-clearance GT) พร้อมห้องโดยสารแบบ 2+2 ที่นั่ง ซึ่งลัมโบร์กินีระบุว่ายังคงรักษาดีเอ็นเอความเป็นลัมโบร์กินีไว้อย่างครบถ้วน พร้อมสมรรถนะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสปอร์ตเหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน

รูปลักษณ์ภายนอกของ ลัมโบร์กินี Lanzador ถูกออกแบบเน้นความล้ำสมัย ให้ความรู้สึกคล้ายกับยานอวกาศ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากลัมโบร์กินีรุ่นก่อนหน้า เช่น Sesto Elemento, Murciélago และ Countach LPI 800-4 พร้อมทั้งคงความสูงหลังคาเอาไว้ที่ราว 1.5 เมตร เพื่อลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำที่สุด ควบคู่ไปกับรูปลักษณ์ที่ดูทรงพลังเมื่อมองจากภายนอก มอบความประทับใจด้วยระดับการโหลดต่ำอย่างที่ไม่มีรุ่นใดเปรียบได้ ซึ่งเกิดจากรูปทรงที่พุ่งไปข้างหน้าของห้องโดยสารและเส้นสายไดนามิกที่คมชัดตลอดทั้งตัวรถ

การออกแบบรายละเอียดต่างๆ ของคอนเซ็ปต์คาร์แห่งอนาคตนี้เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน และสะท้อนถึงลักษณะเฉพาะตัว เช่น ดีไซน์ไฟหน้าที่เพรียวบางได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่น Countach LPI 800-4 ในขณะที่ไฟท้ายทรงหกเหลี่ยมรวมถึงรูปแบบแสงอันเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ถูกตกแต่งด้วยองค์ประกอบไฟ LED สามดวงบนตัวรถแต่ละด้าน นอกจากนี้ ดีไซน์ไฟรูปตัว Y และองค์ระกอบรูปหกเหลี่ยมซึ่งเป็นลักษณะเด่นของการออกแบบรถยนต์ลัมโบร์กินีก็สามารถพบเห็นได้ทั่วทั้งตัวรถ รวมถึงไฟท้ายและห้องโดยสารภายในเช่นกัน


ภายในห้องโดยสารยังคงไว้ซึ่งแนวคิด "Feel like a pilot" ซึ่งเป็นปรัชญาการออกแบบของลัมโบร์กินีทุกรุ่น พร้อมจัดวางเบาะนั่งแบบ 2+2 และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเหมาะสำหรับเก็บอุปกรณ์กีฬาต่างๆ เหมาะสำหรับการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มเติมบริเวณใต้ฝากระโปรงหน้าอีกด้วย

บริเวณแผงคอนโซลถูกออกแบบเป็นรูปตัว Y ที่แบ่งส่วนของผู้ขับขี่และผู้โดยสารแยกออกจากกันอย่างชัดเจน พร้อมปุ่มควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์และระบบปรับอากาศที่สามารถเอื้อมถึงได้ง่าย อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบพับได้สำหรับผู้โดยสารตอนหน้าแยกต่างหาก รวมถึงระบบควบคุมแบบ ANIMA ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถปรับโหมดการขับขี่ได้อย่างสะดวก เช่น โหมด Efficiency และ Performance

นอกจากนี้ Lanzador ยังมีการตกแต่งภายในด้วยวัสดุที่ยั่งยืนซึ่งผลิตในอิตาลีเกือบทั้งหมด โดยแผงหน้าปัด เบาะนั่ง และแผงประตู ได้รับการตกแต่งด้วยผ้าขนแกะเมอริโนคุณภาพสูง ด้ายย้อมสีทำจากวัสดุรีไซเคิลทั้งไนลอนและพลาสติกรีไซเคิล รวมถึงวัสดุที่ไม่ใช่พลาสติก เช่น โฟมในส่วนเบาะนั่งแบบสปอร์ตที่ทำจากเส้นใยรีไซเคิลที่ผลิตด้วยกรรมวิธีการพิมพ์ 3 มิติ แม้แต่เส้นใยคาร์บอนที่นำมาใช้ร่วมกันในหลายส่วน เช่นคอนโซลกลางและแผงประตู ก็ทำมาจากคาร์บอนแบบผลิตซ้ำซึ่งเป็นวัสดุคอมโพสิตสองชั้นแบบใหม่


ลัมโบร์กินีให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนและหลีกเลี่ยงการสร้างคาร์บอนไดออกไซด์มาเป็นเวลาหลายปี นับตั้งแต่ปี 2015 โรงงานที่ Sant'Agata Bolognese ซึ่งมีพื้นที่ 182,000 ตร.ม. ได้ดำเนินการในฐานะบริษัทที่เป็นกลางทางคาร์บอนตามแผนงานการลดคาร์บอน “Direzione Cor Tauri” ที่ประกาศไว้ในเดือนตุลาคม 2021 ซึ่งระบุว่าบริษัทจะมุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อย นับตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป

ลัมโบร์กินีวางแผนที่จะใช้พลังงานไฟฟ้าในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2024 โดยบริษัททุ่มงบลงทุนกว่า 1.9 พันล้านยูโรในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเพื่อการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์อิตาลี โดยแนวคิดรถยนต์รุ่นที่ 4 ไม่ใช่แค่เครื่องสาธิตทางเทคนิคเท่านั้น แต่เป็น “ห้องปฏิบัติการติดล้อ” ที่ได้รับการปรับปรุงในแง่ของวัสดุที่ยั่งยืนอีกด้วย คอนเซ็ปต์คาร์เวอร์ชันผลิตจริงจะพร้อมมอบสุดยอดสมรรถนะตั้งแต่ปี 2028 เป็นต้นไป และจะก้าวสู่ระดับแถวหน้าของรถยนต์ในเซกเมนต์นี้ โดยยังคงไว้ซึ่ง DNA ของแบรนด์อย่างสมบูรณ์ และพร้อมยกระดับการผลิตของลัมโบร์กินีที่สืบทอดมานานกว่า 60 ปี ไปสู่ทศวรรษใหม่


































กำลังโหลดความคิดเห็น