ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เจเนอเรชันที่ 6 ใหม่ ถูกเปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย พร้อมขุมพลังดีเซล "ไฮเปอร์เพาเวอร์" ขนาด 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ในช่วงแรกมีให้เลือกทั้งหมด 8 รุ่นย่อย เคาะราคาจำหน่าย 699,000 - 1,027,000 บาท
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) เปิดตัว “ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน” หรือ แอล 200 (L200) รถกระบะขนาด 1 ตัน ที่ได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ทั้งคันครั้งแรกในรอบ 9 ปี ณ งานเวิลด์พรีเมียร์ ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย พร้อมประกาศราคาและเริ่มจำหน่ายในไทยเป็นที่แรกในโลก ก่อนเตรียมเปิดตัวในภูมิภาคอาเซียน และโอเชียเนีย โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ในช่วงต้นปี 2567
สำหรับตลาดประเทศไทย ออล-นิว ไทรทัน เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป ณ โชว์รูมมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ ในราคาที่สัมผัสได้แบบสุดคุ้ม ดังนี้
รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 699,000 บาท, รุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 820,000 บาท และรุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,016,000 บาท
ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เจเนอเรชันที่ 6 ได้รับการออกแบบภายนอกและภายในใหม่ พร้อมทั้งการพัฒนาเฟรมใหม่ แชสซีส์ใหม่ ช่วงล่างใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ ภายใต้แนวคิด Power for Adventure (พลังแกร่งคู่ใจสายลุย) มาพร้อมตัวถังที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและแข็งแรงกว่าเดิม ช่วงล่างที่เน้นการขับขี่ที่นุ่มนวล เกาะถนน พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบควบคุมการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ รองรับสภาพการขับขี่บนถนนทุกรูปแบบ
ภายนอกของ ไทรทัน โฉมใหม่ ยังคงเอกลักษณ์ไดนามิกชิลด์สะท้อนถึงสมรรถนะและการปกป้องผู้โดยสาร ติดตั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดีดีไซน์โฉบเฉี่ยวคล้ายสายตาเหยี่ยว รับกับไฟหน้าแบบ 3 มิติ ขณะที่ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแอลอีดีรูปตัว "T" ช่วยให้ตัวรถดูกว้างขึ้น เสริมด้วยสปอยเลอร์ท้ายเพื่อเพิ่มความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ และบันไดข้างที่กว้างขึ้น ซึ่งออกแบบให้สามารถระบายน้ำได้ดียิ่งขึ้น
บริเวณกระบะท้ายถูกออกแบบให้มีความสูงของกระบะจากพื้นต่ำลงจากรุ่นก่อน 45 มิลลิเมตร อยู่ที่ 820 มิลลิเมตร พร้อมขยายพื้นที่ด้านบนของมุมกันชนหลังให้ใหญ่ขึ้น และเสริมความแข็งแรงด้วยเฟรมเพื่อให้วางเท้าและก้าวขึ้นกระบะได้อย่างสะดวก
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Horizontal Axis ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง เพิ่มการใช้วัสดุบุนุ่ม และตกแต่งด้วยโครเมียมในหลายส่วนเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดูทันสมัย อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับจอแสดงผลที่มองเห็นได้ชัดเจน สามารถควบคุมได้แม้ใส่ถุงมือหนา ทั้งพวงมาลัย, ก้านจับ และมือเปิประตู ล้วนได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด "มิตซูบิชิ ทัช" ที่มุ่งเน้นความสะดวกสบายในการหยิบจับ
แผงคอนโซลกลางของรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มาพร้อมช่องวางแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติก 600 มล. ได้มากถึง 4 ขวด ขณะที่ช่องเก็บของขนาดเล็กต่างๆ สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกแม้ใส่ถุงมือ เสริมด้วยช่อง USB-A และ USB-C สำหรับชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งตอนหน้าและตอนหลัง รวมถึงแท่นชาร์จไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม
ด้านขุมพลังของ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์แบบ 4 สูบ คอมมอนเรล วีจีเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,250 - 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ พร้อมระบบ Auto Stop & Go เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
รุ่นดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ถูกติดตั้งระบบ Super Select 4WD-II ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โหมด พร้อมระบบระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยโหมดการขับขี่ทั้ง 4 โหมด ประกอบด้วย 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง), 4H (ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา), 4HLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ4LLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลางอัตราทดความเร็วต่ำ)
พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ใหม่ 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด ประกอบด้วย Normal (ทั่วไป), Eco (ประหยัด), Gravel (ทางลูกรัง), Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก), Mud (ลุยโคลน), Sand (พื้นทราย) และRock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ)
ในรุ่น Single Cab ขับเคลื่อน 4 ล้อ ถูกติดตั้งระบบ Easy Select 4WD สามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อนได้ 3 โหมด ประกอบด้วย, 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง), 4H (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ 4L (สำหรับการขับขี่ด้วยอัตราทดความเร็วต่ำ)
ด้านระบบความปลอดภัยขั้นสูง Diamond Sense ประกอบด้วย ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM), ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA), ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) ตลอดจนระบบอื่นๆ