BYD หรือ Build Your Dreams ถือเป็นบริษัทรถยนต์จีนที่มาแรงในตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ BEV-Battery Electric Vehicle และด้วยเหตุที่ตลาดรถยนต์ประเภทนี้มีการขยายตัวอย่างมาก ทั้งในเมืองจีน และตลาดทั่วโลก บวกกับการที่ BYD กำลังขยายตลาดออกสู่ต่างแดนมากขึ้น ทำให้ทางแบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่หลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือ การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่เป็นซับแบรนด์ของ BYD เพื่อเปิดกลุ่มตลาดลูกค้าใหม่ ที่มีความต้องการที่แตกต่าง หรือหลากหลายกว่ากลุ่มลูกค้าเดิมของพวกเขา เช่นเดียวกับการดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จากแบรนด์คู่แข่งที่อยู่ในตลาดได้อีกด้วย
4 เดือนแรกปีนี้ตลาดรถเสียบปลั๊กจีนโต
แน่นอนว่าตอนนี้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนยังถือว่ามียอดขายสูงที่สุดในโลก ในแง่ของตัวเลข ซึ่งจากการเปิดเผยล่าสุดของตัวเลขยอดขายประจำเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยนับเฉพาะรถยนต์ที่มีระบบชาร์จกระแสไฟฟ้าได้ ซึ่งรวมถึงกลุ่มไฮบริดทั้งแบบธรรมดาและแบบ Plug-in เข้าไปด้วยนั้น พบว่า ส่วนแบ่งในตลาดของกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ หรือ New Energy Vehicle ของรถยนต์ที่มีนิยามอยู่ในกลุ่มนี้เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยสูงถึง 35% ของยอดขายทั้งหมด และมีการคาดการณ์ว่าอาจจะเพิ่มเป็น 40% เมื่อจบครึ่งหลังของปี 2023 ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนนั้นถือว่าก้าวหน้าและขยายตัวมากกว่าตลาดหลักอย่างยุโรปและสหรัฐอเมริกาเสียอีก
เมื่อคลี่ดูตัวเลขยอดขายในตลาดกลุ่มรถยนต์ที่มีระบบชาร์จกระแสไฟฟ้าได้แล้วจะพบว่า มีมากถึง 539,563 คันในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 93% โดย 2 อันดับแรกที่มียอดขายสูงสุดคือ รถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV ที่เราคุ้นเคยกันดี มากถึง 370,000 คันหรือคิดเป็น 24% ของยอดขายรวมทั้งหมดในตลาดประเภทนี้ และรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊กหรือ PHEV มีตัวเลขอยู่ที่ 170,000 คันหรือคิดเป็น 11% ของยอดขายรวมทั้งหมดในตลาดประเภทนี้
เมื่อดูที่แบรนด์รถยนต์ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวจีนนั้นจะพบกับความน่าแปลกใจอย่างมาก โดยในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา รถยนต์ของ BYD ได้รับความนิยมอย่างมาก และครอง 4 อันดับแรกของรถยนต์ขายดีที่สุดในกลุ่มของ NEV แบบที่มีระบบชาร์จกระแสไฟฟ้าได้ และมากถึง 5 รุ่นเมื่อดูจาก 10 อันดับแรกของรถยนต์ขายดี
BYD ยังครองเบอร์ 1 ยอดขายในจีน
เมื่อแบ่งตัวเลขยอดขายออกมาตามแบรนด์แล้วจะพบว่า BYD ยังคงความร้อนแรงในด้านยอดขาย และได้รับความนิยมจากคนจีนอย่างมาก แม้ว่าช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตัวเลขยอดขายของพวกเขาจะลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ก็ยังถือว่ามีผลงานที่ดีกว่าค่ายอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งอยู่ในตลาด
สำหรับเบอร์ 2 นั้นยังตกเป็นของ Tesla ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมาจะประสบปัญหาต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการ Recall หรือเรียกรถยนต์กลับมาซ่อมบำรุง แต่ทว่าก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าชาวจีน
แตกซับแบรนด์รองรับลูกค้าใหม่
เมื่อตลาดมีการเติบโตและลูกค้ามีความหลากหลายหรือมีความซับซ้อนในแง่ของความต้องการเพิ่มมากขึ้น ทำให้ BYD จำเป็นจะต้องมีการปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และเพื่อให้เข้าถึงความต้องการที่เปลี่ยนไปได้มีการประกาศเปิดแบรนด์รถยนต์ใหม่ที่เป็นซับแบรนด์ของ BYD ออกมา
แบรนด์นี้มีชื่อว่า Fang Cheng Bao ซึ่งเป็นการผสมคำในภาษาจีน 2 คำที่มีความหมายในภาษาอังกฤษว่า Formula และ Leopard เพื่อบ่งบอกถึงคุณสมบัติและรูปแบบเฉพาะของรถยนต์ที่จะต้องใช้แบรนด์นี้ในการทำตลาด ซึ่งทาง BYD ระบุว่ารถยนต์ที่ทำตลาดจะเป็น SUV ในรูปแบบต่างๆ ทั้งประเภทลุยหรือประเภทที่เน้นความโฉบเฉี่ยว และยังรวมถึงรถสปอร์ตอีกด้วย โดยจะเป็นซับแบรนด์ที่ 5 ที่ถูกเปิดตัวออกมา
สำหรับรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้แบรนด์นี้ในการทำตลาดนั้นคาดว่าจะเป็นผลผลิตที่มาจากโครงการพัฒนาในรหัส SF ที่กำลังดำเนินงานอยู่ตอนนี้ ซึ่งเป็น SUV พันธุ์ลุยและขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าที่คาดว่าจะเปิดตัวในปลายปีนี้ ส่วนรายละเอียดยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาตอนนี้ คงต้องรอจนถึงช่วงใกล้การเปิดตัว
ก่อนหน้านั้น เมื่อต้นปี 2023 ทาง BYD เพิ่งเปิดตัวแบรนด์ย่อยที่เป็น Premium Brand ออกสู่ตลาดมาก่อนแล้ว โดยใช้ชื่อว่า Yangwang พร้อมกับมีการจัดจ้างวิศวกรด้านซอฟท์แวร์จำนวนนับพันอัตราเพื่อเข้ามาดูแลในเรื่องของการพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งสำหรับการใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้า และระบบขับอัตโนมัติหรือ Autonomous
ทั้งหมดถือเป็นการขยับตัวที่รุนแรงและรวดเร็วของ BYD ในการขยายตลาดและเพิ่มทางเลือกต่างๆ ออกมาเพื่อรองรับกับรูปแบบที่เปลี่ยนไปของลูกค้า
