ก่อนที่ทางเรเว่ ออโตโมทีฟ จะเปิดตัวพร้อมราคาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯได้นำสื่อมวลชนร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์ BYD Dolphin รุ่นที่สองต่อจาก Atto 3 เพื่อให้ลองขับเจ้าโลมาน้อยภายใต้สภาวะการขับขี่จริงบนเส้นทางกรุงเทพ-พัทยา บวกกับต้องการให้ทุกคนได้ทราบว่ารถไฟฟ้าขนาดเล็กสามารถพาเราไปได้ทุกจุดหมาย ไม่ใช่แค่เพียงใช้งานในเมืองเท่านั้น
แต่ก่อนที่จะรายงานการทดสอบขับ BYD Dolphin ขอแจ้งราคาอย่างเป็นทางการสำหรับรุ่น Standard Range 699,999 บาท และรุ่น Extended Range ราคา 859,000 บาท ถือเป็นราคาที่น่าสนใจ สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ง่าย
BYD Dolphin เป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภท Hatchback 5 ประตู นำเข้าจากจีน ซึ่งทาง เรเว่ ออโตโมทีฟ หมายมั่นจะเป็นตัวสร้างยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังเพราะด้วยราคาที่เปิดมาไม่แพงอย่างที่คิดหากเทียบกับการได้ครอบครองรถไฟฟ้าสักคันหนึ่งบวกกับเทคโนโลยี อุปกรณ์ต่าง ๆ มีมาอย่างครบครัน
ก่อนที่จะออกจากจุดสตาร์ท เราจะเห็นเจ้าโลมาน้อยจอดเรียงรายกันเป็นแถวยาว สีสันแต่ละคันโดนใจมาก ลายเส้นสายรอบตัวรถสวยงาม น่ารัก แต่ผู้บริหารบอกว่า สียังมาไม่ครบที่จอดรอให้สื่อมวลชนขับเป็นแค่บางส่วนเท่านั้น
รถที่จะได้ลองขับมี 2 รุ่นคือ Standard Range ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 70 Kw หรือประมาณ 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า พร้อมด้วยแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาดความจุ 44.9 kWh ให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 410 กม.ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง
ขณะที่รุ่น Extended Range เป็นรถไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังแรงระดับ 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาด 60.48 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้รถคันนี้วิ่งได้ไกลสูงสุดที่ 490 กิโลเมตร
ซึ่งทั้ง 2 รุ่นถือว่าสมรรถนะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเกินคาด หลังได้ลองขับ บนเส้นทางบางนา-พัทยา ด้วยตัวรถกะทัดรัดได้เรื่องความคล่องตัว ขับง่าย อัตราเร่งดี บางช่วงที่มีพื้นที่ไม่มากแต่ก็สามารถแทรกตัวเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว สบาย สบาย อัตราเร่งที่มาอย่างทันใจ ขณะที่ Extended Range แรงบิดถึง 310 นิวตันเมตร ยิ่งตอบสนองได้รวดเร็วกว่าบวกกับเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าจังหวะการให้กำลังไม่ต้องรอรอบทำให้มันมีความปราดเปรียวในจังหวะที่เร่งแซง มั่นใจ แม้จะเป็นรถไฟฟ้า ที่สำคัญช่วงล่างดี เกาะถนนในช่วงการเข้าโค้ง
ส่วนหน้าตารูปลักษณ์ภายนอกระหว่าง 2 รุ่นนี้ แทบจะเหมือนกัน มีความต่างก็ตรงที่ขนาดล้อและลวดลายของล้อที่รุ่น Standard Range ใช้ล้ออัลลอย 16 นิ้ว เลือนเบาะนั่งแบบโยก สีตัวถึงสีเดียว แต่ Extended Range ล้ออัลลอย 17 นิ้ว มีหลังคากระจก Panoramic Glassroof พร้อมม่านเปิดปิดไฟฟ้า และระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger ปรับที่นั่งแบบไฟฟ้า สีตัวถังทูโทน ซึ่งดูแล้วหน้าตาน่ารักพอตัวเลย
ด้านภายในของเจ้าโลมาน้อยมีโทนสีที่หลากหลายให้เลือก การตกแต่งภายในออกแนวขี้เล่นผสมกับความน่ารักทันสมัย เหมือนนั่งอยู่ในทะเล มีปลาโลมาว่ายวนอยู่ข้าง รูปทรงหลายอย่างภายในรถคล้ายปลาโลมา ช่องแอร์ ที่จับประตูเป็นครีบปลาโลมา งานออกแบบแดชบอร์ดคอนโซลเหมือนคลื่น ที่ชอบคือจอมอนิเตอร์ตรงกลาง ปรับหมุนได้ทั้งแนวตั้งแนวนอน หน้าจอคนขับเล็กดี ที่สำคัญมีที่ปัดน้ำฝนบนกระจกบานฝ้าท้ายด้วย เลิศ
จุดที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือ “เกียร์” และตอนแรกก็งง ว่าเกียร์อยู่ตรงไหน เพราะเขาดีไซน์คันเกียร์เป็นสวิชท์ทรงกลม ใช้บิดขึ้น-ลงเพื่อเลือกตำแหน่งเกียร์ จะเดินหน้าถอยหลัง เกียร์ว่าง ส่วนปุ่มP อยู่บนหัวสวิชท์เกียร์นั่นเอง คาดว่าใครซื้อไปคงต้องใช้เวลาเพื่อให้เกิดการคุ้นชินสักสองสามวัน สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างคือความกว้างของห้องโดยสารทั้งด้านหน้าด้านหลัง ต้องบอกว่านั่งสบาย ไม่อึดอัดแม้จะเดินทางไกล
นอกจากนี้สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือเสียงไฟเลี้ยวซ้ายขวาไม่เหมือนกัน บวกกับเราไม่คาดเข็มขัดนิรภัยก็มีเสียงเตือนเป็นภาษาไทย กรุณารัดเข็มขัด ถ้ายังไม่รัดมันก็จะเตือนอีก และหากเรารัดเข็มขัดแล้วจะมีเสียง บุ๋ม บุ๋ม อีก ภายในระบบต่าง ๆ จะมีเสียงเตือนทั้งหมดและเสียงที่ออกมา น่ารักมาก ผู้เขียนไม่สามารถอธิบายได้ อยากจะให้ลองไปฟังเอง แล้วคุณจะชอบ สมกับเป็นสัตว์น้ำจริง ๆ
ถึงบรรทัดนี้ต้องบอกว่า BYD Dolphin เป็นรถที่น่ารัก สำหรับผู้เขียน ชอบทั้งดีไซน์ ภายนอก-ภายใน เหมือนปลาโลมาจริง ๆ การขับขี่ก็คล่องตัวด้วยความเป็นรถกะทัดรัด อัตราเร่งทันใจ ช่วงความเร็วสูงก็มั่นใจ ช่วงล่างเกาะถนน สามารถขับในเมืองหรือวิ่งไปต่างจังหวัดใกล้ ๆ ได้สบายสบาย บวกกับราคาสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก ถือว่า “โลมาน้อย” เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจหากคุณต้องการรถไฟฟ้าคันแรก