xs
xsm
sm
md
lg

ทำความรู้จัก "เชอรี่" แบรนด์รถจีน เตรียมสยายปีกเมืองไทยอีกครั้งต้นปีหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชื่อของ เชอรี่ (Chery) กับตลาดเมืองไทย ถือว่าไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นที่คุ้นเคยกันมานานได้สักระยะหนึ่งแรกเมื่อ 15 ปีที่แล้ว และถือเป็นแบรนด์รถยนต์จีนรายแรกๆ ที่เข้ามาเปิดตลาดในเมืองไทย เพียงแต่ในช่วงนั้น สินค้าจากจีนโดยเฉพาะรถยนต์ยังไม่เป็นที่ยอมรับจากคนไทย และยังไม่มีจุดเด่นหรือจุดขายที่ชัดเจนนอกเหนือจากความได้เปรียบในเชิงราคาขาย ก็เลยทำให้พวกเขาหายไปจากตลาดอย่างเงียบๆ …จนกระทั่งในปีนี้

Yin Tongyue Chairman Chery Automobile Co.,Ltd.
สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อความคิดของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์มากอย่างที่เคยเป็น ตลาดบ้านเราและก็รวมถึงตลาดโลกเริ่มมองว่าสินค้าจากจีนมีความน่าสนใจในเชิงความคุ้มค่า และพวกเขาเองก็มีนโยบายในการพัฒนารถยนต์ที่เน้นคุณภาพมีจุดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีและความคุ้มค่าในเชิงสเป็กที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดที่มีระดับราคาเดียวกัน นั่นทำให้เชอรี่ คือ อีกแบรนด์รถยนต์คุณภาพจากจีนที่กำลังคัมแบ็คสู่ตลาดเมืองไทย และพร้อมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเป็นทางเลือกหลักๆ ที่อยู่ในกระแสความสนใจของตลาดในตอนนี้

ภายในโรงงาน
จุดเริ่มต้นจากปี 1997

เชอรี่ ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1997 โดยสำนักงานนายกเทศมนตรีของมณฑลอานฮุยในชื่อ Anhui Auto Parts Industry เนื่องจากเจ้าหน้าที่เริ่มกังวลว่าจะไม่มีอุตสาหกรรมที่จริงจังในจังหวัดและภูมิภาคที่สามารถแก้ไขเศรษฐกิจได้ โดยในตอนแรกเชอรี่ยังไม่มีใบอนุญาตในการผลิตรถยนต์ จึงรับหน้าที่ในการผลิตเครื่องยนต์และเป็นบริษัทสำหรับจัดส่งและขนส่งชิ้นส่วนรถยนต์เป็นหลัก จนกระทั่งในปี 1999 พวกเขาได้ซื้อสิทธิ์ในการใช้แชสซีส์ของรถยนต์รุ่น SEAT Toledo มาพัฒนาเป็นแบรนด์ของตัวเองในชื่อ Fengyun และทำยอดขายในปีแรกได้ถึง 30,000 คัน แต่ทว่าในตอนนั้น ทางบริษัทยังไม่ได้รับสิทธิ์ในการผลิตรถยนต์อย่างถูกกฎหมายจนกระทั่งถึงปี 2003 ด้วยการพ่วงสิทธิ์ในการจำหน่ายรถยนต์อย่างถูกกฎหมายกับ SAIC Motor

PHEV technology
สิ่งที่น่าสนใจคือ รูปแบบการทำงานและการก่อตั้งบริษัทที่ถูกบรรยายโดย The Wallstreet Journal ว่าเป็นเสมือนส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างการทำงานแบบเดิมของรัฐคอมมิวนิสต์กับบริษัทรุ่นใหม่ เรียกว่าในรูปแบบของการทำงานเชิงอนุรักษ์นิยมก็ยังมีความกล้าได้กล้าเสียในการทำงาน ก่อนที่จะเริ่มหาพันธมิตรใหม่ๆ ทั้ง GM และ Volkswagen ในการเพิ่มศักยภาพในการพัฒนารถยนต์เพื่อให้ทันกับการแข่งขันในตลาดจีนที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงทศวรรษที่ 2000-2010

เชอรี่ ถือเป็นแบรนด์รถยนต์จีนรายแรก ๆ ที่ส่งออกรถยนต์, ชิ้นส่วนไปทั่วโลกกว่า 80 ประเทศและภูมิภาค ปัจจุบันมีโรงงานผลิต 10 แห่งในต่างประเทศ โดยมีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรวมกันกว่า 1,500 แห่ง มีลูกค้าสะสมรวม 9.5 ล้านรายทั่วโลก และรั้งแชมป์ครองอันดับหนึ่งของผู้ส่งออกแบรนด์รถยนต์นั่งของจีน 19 ปีติดต่อกัน

ภายในโรงงานประกอบรถเชอรี่ ในจีน
ในฐานะบริษัทรถยนต์แห่งแรกในจีนที่ส่งออกรถยนต์ทั้งคัน และชิ้นส่วน CKD เครื่องยนต์ ตลอดจนเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์และอุปกรณ์ไปยังต่างประเทศเชอรี่ ดำเนินกลยุทธ์ตลาดต่างประเทศอย่างมั่นคงมากว่า 20 ปี จนถึงตอนนี้เชอรี่ได้สร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา 5 แห่งในโลก และในทีม R&D มีพนักงานมากกว่า 7,000 คน มีแกนหลักทางเทคนิคมากมายที่เคยให้บริการ Jaguar Land Rover, GM, Ford และ Hyundai และบริษัทรถยนต์ที่มีชื่อเสียงอื่นๆ นอกจากนี้เชอรี่ยังสร้างโรงงานหลัก 10 แห่งทั่วโลก ร้านบริการในต่างประเทศ 1,500 แห่ง ยอดขายทั่วโลกเกิน 11.5 ล้านคัน และผู้ใช้ในต่างประเทศเกิน 2.45 ล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชิลี บราซิล และตลาดอื่นๆ ผลิตภัณฑ์จำนวนมากของเชอรี่อยู่ในระดับแนวหน้าของกลุ่มตลาดอย่างมั่นคง และได้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในตะวันออกกลางและเม็กซิโก

เชอรี่ รั้งแชมป์ครองอันดับหนึ่งของผู้ส่งออกแบรนด์รถยนต์นั่งของจีน 19 ปีติดต่อกัน
ปี 2022 เชอรี่ประสบความสำเร็จในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ โดยเพิ่มขึ้น 68% เมื่อเทียบเป็นรายปี และยอดขายต่อปีเกิน 450,000 คัน ไม่เพียงสร้างผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ยังครองอันดับหนึ่งในการส่งออกรถยนต์นั่งแบรนด์จีน เป็นเวลา 20 ปีติดต่อกัน ในปี 2023 เชอรี่จะยังคงเร่งกระบวนการทำให้เป็นสากล และ โอโมด้า 5 เพียงโมเดลเดียวจะครอบคลุมมากกว่า 30 ประเทศ

ในปัจจุบัน ผลผลิตหลักของ Chery Automobile ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล Passenger Cars , Minivan , SUV ซึ่งถูกจำหน่ายภายใต้แบรนด์ เชอรี่ รวมทั้งกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ภายใต้แบรนด์ Karry ณ ตอนนี้เชอรี่ ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ในกลุ่มท็อปเทนของจีน โดยมียอดผลิตอยู่ในอันดับ 9 ของจีน ด้วยตัวเลข 1,232,727 คันในปี 2022

Chery new energy automobile platform
เชอรี่ กับตลาดรถยนต์ไทย

ปัจจุบันตลาดหลักของเชอรี่ คือ ยุโรป, อเมริกาใต้, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา ฯลฯ โดยล่าสุดเชอรี่จะมุ่งเน้นไปที่การขยายตลาดอาเซียน โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลัก เพื่อผลิตและส่งออกไปยังตลาดในภูมิภาคนี้ โดยตลาดรถยนต์จีนกับเชอรี่ไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่อย่างใด เพราะในปี 2008 พวกเขาเคยเข้ามาทำตลาดไทยอยู่พักหนึ่งด้วยรุ่น QQ และ Tiggo ก่อนที่จะหายไปจากตลาด เพราะกระแสความนิยมของคนไทยที่มีต่อรถยนต์จีนในตอนนั้นยังไม่ค่อยได้รับการตอบรับที่ดีอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

New Concept Vehicle GENE
การกลับมาของเชอรี่ในเมืองไทยตอนนี้ ถือว่าค่อนข้างมีความชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการนำเสนอในด้านเทคโนโลยียานยนต์ เพราะเชอรี่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ประเทศจีนที่มีงานวิจัยและพัฒนาภายในบริษัทในนาม Chery’s technology และมีความชำนาญในด้านเทคโนโลยียานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น การออกแบบและผลิตแชสซีส์, เครื่องยนต์ หรือเกียร์อัตโนมัติ และมีเครื่องยนต์ติดอันดับ Top 10 ของจีน 6 โมเดล

สำหรับเทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับการผลิตรถยนต์ยุคใหม่เชอรี่ ได้พัฒนาเทคโนโลยีรวมทั้งมีความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Huawei และบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกรายอื่นๆ เพื่อร่วมกันพัฒนารถยนต์ยุคใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดตัวเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ L 2.5 ในตลาดแล้ว และจะมีการพัฒนาไปจนถึง L4 ได้ราวช่วงปี 2025

OMODA 5 EV
จากการเปิดเผยของ Zhang Shengshan รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชอรี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลไทยมีมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในแง่ของแรงจูงใจการจัดเก็บภาษีจึงสะท้อนถึงความตั้งใจที่ดีอันเป็นประโยชน์ต่อเชอรี่เช่นเดียวกันกับแบรนด์จีนหลายแบรนด์ที่ได้นำรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดไทย ดังนั้น กลุ่มตลาดหลักที่เชอรี่จะเข้ามาเปิดตลาดไทยอีกครั้งจะเป็นการนำทัพโดยรถยนต์พลังไฟฟ้า ซึ่งก็ไม่พ้นรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ถูกเปิดตัวออกมาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คือ ทิกโก้ 8 โปร  และ โอโมด้า 5

OMODA 5 EV
โอโมด้า 5 อีกทางเลือกของ EV สำหรับตลาดไทย

โอโมด้า5 เปิดตัวในอินโดนีเซียในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 และได้รับความนิยมในทันที และทำให้แบรนด์เชอรี่ มีส่วนแบ่งตลาดรถ SUV ใหญ่เป็นอันดับ 8 ในตลาดอินโดนีเซีย นอกจากนี้ โอโมด้า 5 ยังเปิดตัวที่งาน Malaysian Motor Show ในเดือนพฤษภาคม และได้รับการเทสไดรฟ์โดยสื่อมวลชนในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนที่แล้ว แต่สำหรับตลาดประเทศไทยนั้นเชอรี่ตั้งใจนำโมเดลที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามา นั่นก็คือโอโมด้า5 EV โดยเชอรี่มีความมุ่งมั่นที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมและสอดรับกับกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดประเทศไทยTiggo 8 Proจะเป็นรถยนต์คันแรกในตลาดไทย

ภายใน OMODA 5 EV
รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ ในฐานะที่เป็นรถ SUV สไตล์ครอสโอเวอร์อัจฉริยะ โอโมด้า EV มีระยะทาง 510 กม. และเวลาในการชาร์จแบบเร็วสามารถเข้าถึง 30%-80% ของกำลังไฟที่ชาร์จได้ภายใน 30 นาที การออกแบบใช้ภาษาการออกแบบของ "Light of moment"  เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้นำเทรนด์แฟชั่นอยู่ในระดับ แนวหน้าของแฟชั่นและแสดงเอกลักษณ์ด้านบุคลิกภาพที่ไม่เหมือนใคร 

ภายใน OMODA 5 EV
ตัวถังภายนอกของ โอโมด้า 5 รุ่นเครื่องยนต์เบนซินมีความยาวตลอดคัน 4,400 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,830 มิลลิเมตร ความสูง 1,588 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,630 มิลลิเมตรส่วนอุปกรณ์มาตรฐานและระบบต่างๆของ เชอรี่ โอโมด้า 5 ยังมีความน่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่นจอควบคุมที่ใหญ่และสามารถควบคุมได้ทุกอย่างบนรถ พร้อมระบบผู้ช่วยที่เป็น AI คอยช่วยเหลือผู้ขับขี่ สามารถตอบโต้สื่อสารได้, มีระบบจดจำใบหน้า และระบบเครื่องเสียงจัดเต็มโดย Sony

ตัวรถมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร พร้อมด้วยแบตเตอรี่ความจุ 64 kWh และชาร์จเร็วได้สูงสุด 0-80% ในเวลาราว 40 นาที วิ่งได้ไกล 450 กิโลเมตรต่อการชาร์จ (มาตรฐานWLTP)

OMODA 5  รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
สำหรับสเป็กที่จะจำหน่ายในเมืองไทย คงต้องอดใจรออีกสักนิด เพราะต้นปีหน้า เชอรี่ โอโมด้า 5 อีวี จะเปิดตัวเป็นรุ่นแรกในไทย

ถึงบรรทัดนี้คงต้องบอกว่า แบรนด์จีนรายนี้ส่งสัญญาณบอกกล่าวคนไทยว่า “เชอรี่” จะกลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ เพราะเตรียมแผนการเปิดบริษัทฯเอง ลงทุนสร้างโรงงานในอนาคตและรถที่จะทำตลาดรุ่นแรก โอโมด้า 5 อีวี เอสยูวี หน้าตาดี เทคโนโลยีล้ำสมัย อุปกรณ์ความปลอดภัยมาแบบครบครัน จะมัดใจคนไทยได้อย่างแน่นอน  

Tiggo 8 Pro


กำลังโหลดความคิดเห็น