เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถปิกอัพออฟโรดระดับพรีเมียมสู่ประสบการณ์จริงของการขับขี่เส้นทาง อุดรธานี วังเวียง เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงเกิดขึ้นด้วยรถที่เกิดจากความสำเร็จของโปรเจ็กต์พิเศษ “Isuzu V-Cross 4x4 Master Of All Roads” ตัวจริงทุกเส้นทาง โดยซีซั่น 1 สู่ ซีซั่น 2 ภาพยนตร์สั้นสะท้อนสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของ Isuzu V-Cross 4x4 MAGIC EYEs ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะใช้งานในแบบออนโรดหรือแบบออฟโรด
การเดินทางไปกับ “NEW ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs” ในครั้งนี้ มีรถทั้งหมด 11 คัน ขบวนคาราวานเริ่มต้นจากจังหวัดอุดรธานี ขับข้ามแดนผ่านด่านหนองคาย ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว โดยการขับรถยนต์ท่องเที่ยวในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวนั้น สามารถใช้ใบอนุญาตขับขี่แบบสมาร์ทการ์ดของประเทศไทยได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำใบขับขี่นานาชาติ
สำหรับคันที่ผู้เขียนขับกับสมาชิกอีก 2 ท่าน เป็นเครื่องยนต์ Isuzu 3.0 Ddi Blue Power รุ่น 4JJ3-TCX กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ระบบ Terrain Command สวิตช์เปลี่ยนการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อเป็น 4 ล้อ ทำงานได้ฉับไว แม่นยำ เลือกการใช้งานให้เหมาะกับทุกสภาพถนนทั้ง 2H/4H และ 4L พร้อมสมรรถนะในการลุยน้ำได้สูงสุด 800 มิลลิเมตร
ระบบ Electronic Diff-Lock ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ช่วยล็อกเฟืองท้ายให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อหลังด้านซ้ายและขวาเท่ากันเพื่อให้ผ่านอุปสรรคอย่างง่ายดาย ช่วงล่างแกร่งทน เกาะถนนเหนือชั้นด้วยโครงสร้างตัวถังและแพลตฟอร์ม “ISUZU DYNAMIC DRIVE PLATFORM” ที่ออกแบบมิติฐานล้อ และช่วงล้อหน้า-หลัง เพื่อดุลยภาพในการขับขี่ทั้งขณะรถเปล่า และการบรรทุกหนัก ทำให้ทุกการเดินทาง 2 คืน 3 วันผ่านไปอย่างฉลุย
สถานที่แรกหลังขับผ่านด่านหนองคายเข้าสู่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงได้ขับรถมุ่งหน้าต่อไปยังร้านอาหาร “Lao Derm Som Ngum” ร้านอาหารแพริมน้ำ ตั้งอยู่บริเวณสะพานท่าง่อน ริมแม่น้ำงึม ห่างจากนครเวียงจันทน์ประมาณ 23 กม. ที่ทุกคนสามารถชมบรรยากาศของลำน้ำงึม ไปพร้อมกับอาหารมื้ออร่อย เพื่อส่งต่อพลังให้กับการขับรถในช่วงบ่าย
หลังจากอิ่มจากอาหารเที่ยงแล้ว ขบวนรถ ISUZU V-CROSS 4x4 เดินทางต่อไปอีก 123 กม. ผ่านทางด่วนพิเศษตัดใหม่สู่เมืองวังเวียง เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของแขวงเวียงจันทน์ ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามและสมบูรณ์ จนได้ชื่อว่าเป็น "กุ้ยหลินเมืองลาว" พื้นที่ของเมืองนี้ เต็มไปด้วยป่าไม้ ถ้ำ และภูเขาหินปูนมากมาย โดยจุดหมายของเราอยู่ที่ สะพานสีฟ้า และถ้ำนางฟ้า ซึ่งเป็นจุดเช็กอินใหม่ของวังเวียง
หากใครได้แวะเวียนมาแถวนี้ ห้ามพลาด “สะพานสีฟ้า” หรือมีชื่อเรียกที่รู้จักกันดีว่า “ขัวสีฟ้าถ้ำนอน” เป็นสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำซอง ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวไปพบกับ “ถ้ำนางฟ้า” ถ้ำหินงอกหินย้อยที่สวยงามตามธรรมชาติ และที่นี้มีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย ได้แก่ จุดชมวิวบนสะพาน พายเรือคายัค ซิปไลน์โหนสลิง สำรวจถ้ำ และกิจกรรมอื่น ๆ ให้ร่วมสนุกกัน จากนั้นจึงเดินทางเข้าที่พัก ณ โรงแรมอมารี วังเวียง ซึ่งแวดล้อมไปด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติแห่งขุนเขา ตั้งตระหง่านริมแม่น้ำซอง และปิดท้ายวันด้วยการรับประทานอาหารค่ำที่ “M&M Rooftop Bar” ร้านอาหารรูฟท็อป ให้บริการด้วยเมนูอาหารที่คัดสรรเป็นอย่างดี พร้อมนั่งฟังเพลงชิล ๆ เคล้าวิวทิวเขา และแสงไฟของเมืองวังเวียง ก่อนแยกย้ายกันไปชาร์จพลังพร้อมลุยต่อในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันนี้ฝนเทลงมาต้อนรับคณะเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทาง สถานที่แรกที่จะไปในวันนี้คือนั่งรถสองแถวไปยังร้าน “พูม่ายคาเฟ่” ร้านกาแฟ ราคาหลักสิบแต่วิวหลักล้าน คาเฟ่ตกแต่งในสไตล์ธรรมชาติ รายล้อมไปด้วยวิวภูเขาล้อมรอบ 360 องศา พร้อมเมนูเครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลายจากนั้นจึงออกเดินทางต่อไปเพื่อรับประทานอาหารกลางวันที่ “ร้านอาหารเวียงธารา” ตั้งอยู่ใน เวียงธารา วังเวียงรีสอร์ท ได้อิ่มอร่อยกับอาหารนานาชนิด พร้อมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และทุ่งนาอันเขียวขจี
จุดหมายต่อมาคือ “วัดสินไชยาราม” ณ เมืองเฟือง ที่โอบล้อมด้วยภูเขาหินสูงตระหง่าน โดยวัดแห่งนี้มีการสร้างวัดไปพร้อมกับการดูแลอนุรักษ์ป่าไม้ ฟื้นฟูสภาพป่าไม้ เป็น 1 ในพุทธอุทยาน ที่สำคัญใน สปป.ลาว และเป็นสถานที่เรียนรู้พุทธศาสนาและปฏิบัติธรรม รวมถึงเป็นจุดหมายของสายมูทั้งหลายที่มักจะมาขอพรจากพญานาคเพราะมีความเชื่อว่าที่วัดสินไชยารามแห่งนี้เชื่อมต่อกับคำชะโนดในประเทศไทยไทย หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองหลวงเวียงจันทน์เข้าเช็กอินกันที่ “โรงแรมเลอธาตุหลวงดอร์ บูทีคโฮเทล” (Le Thatluang D'oR Boutique Hotel) โรงแรมดีไซน์ สวยและตกแต่งในสไตล์ลักซูรี่ มีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
เช้าวันนี้ทางผู้บริหารมีเวลาให้ผู้สื่อข่าวรีวิวรถ ผู้เขียนเลยสำรวจเพิ่มเติมพบว่า “NEW! ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs” มาพร้อมกับดีไซน์ดุดัน เท่ แกร่ง ทรงพลังด้วย Front Bumper Guard สีทูโทน พร้อมชุดแต่งสีเทาดำรอบคัน ที่กระจกมองข้าง ราวหลังคา มือจับประตู บันไดข้าง ที่เปิดกระบะท้าย Fender Lip และ Robust Extender เพิ่มความดุดัน ทรงพลัง ในทุกมิติของรถ
บวกกับเทคโนโลยีเพื่อระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ครั้งแรกของวงการรถปิกอัพเมืองไทย มอบความแม่นยำและมั่นใจในการทำหน้าที่เสมือนดวงตาคู่อัจฉริยะ ตรวจจับวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ได้อย่างชัดเจนและแม่นยำกว่า พร้อมเรดาร์ 2 จุดและเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน ที่อีซูซุออกแบบให้ทุกระบบความปลอดภัยทำงานผสานร่วมกันเป็นหนึ่ง ให้ความมั่นใจในการเดินทางอาทิ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรฝัน ACC พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) โดยระบบจะทำหน้าที่ควบคุมความเร็วให้คงที่ และจะช่วยควบคุมความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติได้จนถึงรถคันหน้าหยุดนิ่ง และยังมาพร้อมกับระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning) และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking) ที่คอยตรวจจับสิ่งกีดขวางด้านหน้าจากกล้องหน้าคู่ และแจ้งเตือนเมื่อสิ่งกีดขวางอยู่ในระยะกระชั้นชิดเกินไปจนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และจะทำการเบรกโดยอัตโนมัติหากผู้ขับขี่ยังไม่เหยียบเบรกหลังสัญญาณเตือน โดยเทคโนโลยีเพื่อระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS สามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดถึง 50% (ข้อมูลอ้างอิงจากสภาความปลอดภัยแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา : The National Safety Council, U.S.A.) ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่สามารถลดอุบัติเหตุ โดยระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Forward Collision Warning with Autobrake ช่วยลดการชนท้ายรถคันหน้า 50%) ระบบนี้ก็ได้มีการลองบ้าง ช่วงการขับขี่ในเมือง นอกเมือง ตอนวิ่งเป็นขบวน ซึ่งรถเบรกให้อัตโนมัติจริง ถือเป็นเทคโนโลยี ที่ล้ำสมัยมาก
หลังจากเพื่อนสมาชิกรีวิวรถกันเสร็จแล้วขบวนก็เคลื่อนไปสักการะ “พระธาตุหลวงเวียงจันทน์” (Pha That Luang Vientiane) หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี ศาสนสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของสปป.ลาว องค์พระธาตุหลวงเวียงจันทน์นั้น มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น โดยองค์พระธาตุมีความสูง 45 เมตร มีลักษณะคล้ายดอกบัวตูม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์คำสอนของพระพุทธเจ้า ด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกาก่อนแวะรับประทานอาหารเที่ยงกันที่ “ร้านอาหารลาวเดิม” (LaoDerm Restaurant) ร้านอาหารลาวแท้ ๆ ที่มีเมนูอาหารลาวแบบดั้งเดิมที่ดีที่สุดของเวียงจันทน์ เลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นที่สดใหม่สะอาด และยังคงสูตรดั้งเดิมที่สืบทอดมายาวนาน ที่ทุกคนในทริปติดใจในรสชาติอาหารที่กลมกล่อม แซ่บนำ และแวะจิบกาแฟกันที่คาเฟ่สไตล์มินิมอลของเมืองวียงจันทน์ Au8ust The Living Factory
ปิดท้ายทริป “Isuzu V-Cross 4x4 Master Of All Roads …ลุยท้าโลก” กันที่ร้าน “ซาหมวย แอนด์ ซันส์” ในจังหวัดอุดรธานี อาหารอีสานฟิวชั่นที่การันตีความอร่อยด้วยมิชลินไกด์ 2023 มีเมนูแนะนำเป็นเมนูตามฤดูกาลอย่างจังโก้ เนื้อย่าง และไอศกรีมหมากกระบกช็อคโกแลตหนองคายกับกล้วยปิ้ง ด้วยจุดเด่นของเมนูอาหารที่เลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่น จากตลาดพื้นบ้าน ฟาร์มออร์แกนิก หรือแม้แต่ป่าในพื้นที่ เชฟใส่ใจในรายละเอียดอย่างยิ่ง ทั้งเทคนิคการปรุงและคุณสมบัติทางอาหารและยาของเครื่องปรุงแต่ละชนิด จึงมั่นใจได้ว่านอกจากอร่อยแล้ว แต่ละจานยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
ถึงบรรทัดนี้ก็ต้องบอกว่าเส้นทางอุดรธานรี วังเวียง เวียงจันทน์ เป็นRoof ที่คนไทยสามารถขับรถมาเที่ยวแบบชิล ชิล ได้ เพราะไม่ว่าที่พัก อาหาร สถานที่เที่ยว ภาษา ไม่เป็นอุปสรรค และยิ่งมากับรถคู่ใจอย่าง อีซูซุ เหมือนกับพวกเรา จะสนุก เพลิน แถมประหยัดเงิน เนื่องจากเส้นทางที่เล่ามาให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ น้ำมันยังใช้ไม่หมด ประหยัดสุดสุด เรื่องนี้ต้องยกนิ้วให้ยี่ห้อนี้กันเลย
ที่สำคัญยอดขาย 5 เดือนที่ผ่านมา อีซูซุ ครองแชมป์ในตลาดรถเชิงพาณิชย์ด้วยยอดขาย 73,776 คัน ขณะที่ปิกอัพมีตัวเลขถึง57,587 คัน ขึ้นอันดับหนึ่งเช่นกัน
สำหรับราคา แบ่งเป็น4 รุ่นได้แก่ รุ่น2 ประตู 3.0 Ddi (Z) เกียร์ธรรมดา6 สปีด882,000 บาท รุ่น4 ประตู 3.0 Ddi (Z) เกียร์ธรรมดา 6 สปีด 1,004,000 บาท สีขาวมุก 1,011,000 บาท รุ่น 3.0 Ddi ZP (Z-Prestige) เกียร์ธรรมดา 6 สปีด 1,119,000 บาท สีขาว1,126,000 บาท และรุ่นท็อป เมจิกอายส์3.0 Ddi M เกียร์อัตโนมัติ1, 217,000 บาท สีขาวมุก 1,224,000 บาท