RAM Rampage กระบะขนาดคอมแพ็กที่พัฒนาขึ้นบนโครงสร้างแบบยูนิบอดี้ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในอเมริกาใต้ ชูไฮไลต์ด้วยขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร Hurrican 4 ที่สามารถทำท็อปสปีดได้สูงสุดถึง 220 กม./ชม. ราคาเริ่มต้นราว 1.7 ล้านบาท
RAM Rampage เป็นรถกระบะรุ่นล่าสุดจากเครือ Stallantis ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตั้งเป้าจับกลุ่มลูกค้าในอเมริกาใต้โดยเฉพาะ (บราซิลและอาเจนตินา) พร้อมทั้งระบุว่ารถรุ่นนี้ได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยวิศวกรและช่างเทคนิคในบราซิลจำนวนกว่า 800 ชีวิต ตลอดช่วงระยะเวลาการพัฒนามากกว่า 1.2 ล้านชั่วโมง มาพร้อมโครงสร้างพื้นฐานแบบยูนิบอดี้แบบเดียวกับรถยนต์นั่ง แตกต่างจากกระบะทั่วไปที่ใช้โครงสร้างแบบขั้นบันได มีราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 239,990 - 269,900 เรอัลบราซิล หรือประมาณ 1,770,000 - 1,990,000 บาท
ดีไซน์ภายนอกถูกออกแบบเน้นความบึกบึนสมบุกสมบัน มีกลิ่นอายของกระบะฟูลไซซ์อย่าง RAM 1500 ที่วางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ ติดตั้งไฟหน้าแบบแอลอีดี พร้อมไฟตัดหมอกแบบแบบแอลอีดีที่สามารถใช้เป็นไฟส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้งได้ ขณะที่ไฟท้ายถูกออกแบบให้ส่องสว่างคล้ายกับธงชาติของสหรัฐอเมริกา พร้อมฟังก์ชันแสดงเอฟเฟกต์ Welcome Movement เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ เป็นต้น
ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งเน้นความหรูหราไม่ต่างจากรถยนต์นั่ง มาพร้อมเบาะนั่งที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียม มีให้เลือกทั้งเบาะนั่งหุ้มวัสดุหนังแบบมีรูระบายอากาศ และวัสดุหนังกลับเน้นความสปอร์ต อีกทั้งเบาะนั่งผู้ขับขี่ยังปรับระดับด้วยไฟฟ้าเป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย และเลือกออปชันเสริมเป็นเบาะนั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 12 ทิศทางได้ รวมถึงติดตั้งระบบปรับอากาศแบบ Dual-zone และช่องแอร์หลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นกัน
RAM Rampage ยังถูกติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.3 นิ้ว และจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัส Uconnect ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายทั้งหมด เสริมด้วยช่องจ่ายไฟแบบ USB ถึง 6 ตำแหน่ง ที่แบ่งเป็นช่อง USB-C ถึง 3 ตำแหน่ง พร้อมด้วยที่ชาร์จไฟไร้สาย RamCharger ที่มีระบบพัดลมระบายอากาศเพื่อลดความร้อนขณะชาร์จไฟ
ด้านขุมพลังถูกติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร Hurricane 4 บล็อกเดียวกับที่วางอยู่ใน Jeep Wrangler ให้กำลังสูงสุดถึง 272 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ AWD สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.1 วินาที และจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 210 กม./ชม. ขณะที่รุ่น R/T ซึ่งเป็นเวอร์ชันสปอร์ตสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เหลือ 6.9 วินาที และขยับท็อปสปีดขึ้นเล็กน้อยเป็น 220 กม./ชม.
ส่วนลูกค้าที่ต้องการเน้นความประหยัดสามารถเลือกรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล Multijet ความจุ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 10.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 186 กม./ชม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดเช่นเดียวกัน
