ในวาระครบรอบ 75 ปี แห่งความเป็นผู้นำในการค้นคว้าพัฒนา เฟอร์รารี่ได้รังสรรค์รถยนต์ที่ไม่เหมือนใครขึ้นสู่เวทีโลก ไม่เพียงบริบทด้านสมรรถนะ, อรรถรสในการขับขี่ และความสะดวกสบาย ที่หล่อหลอมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้น ทว่ายังเปี่ยมด้วย DNA อันเป็นเอกลักษณ์ของม้าลำพองอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ชื่อ Purosangue ซึ่งในภาษาอิตาลีแปลว่า 'พันธุ์แท้' ถูกนำมาใช้
เพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับโครงการนี้ และสร้างรถที่คู่ควรกับการเป็นส่วนหนึ่งในเรนจ์ จึงได้สร้างสรรค์เลย์เอาต์และนวัตกรรมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับรูปทรงทั่วไปของรถแบบ GT สมัยใหม่ (ที่เรียกว่า Crossover และ SUV) มาใช้ โดยทั่วไปแล้วเครื่องยนต์ของรถ GT สมัยใหม่ มักถูกติดตั้งเยื้องไปด้านหน้าจนเกือบคร่อมเพลาหน้า พร้อมกับชุดเกียร์ที่ต่อตรงไปยังเครื่องยนต์ ส่งผลให้มีการกระจายน้ำหนักไม่เหมาะสม ทำให้ขาดไดนามิกและอรรถรสในการขับขี่ ซึ่งลูกค้าของม้าลำพองและผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่คุ้นเคยกันดีในรถเฟอร์รารี่
Purosangue ใช้เครื่องยนต์แบบวางกลางลำด้านหน้า และติดตั้งชุดเกียร์ไว้ด้านหลัง เพื่อให้ได้มาซึ่งเลย์เอาต์ระบบขับเคลื่อนแบบรถสปอร์ต หน่วยควบคุมการถ่ายทอดกำลัง (Power Transfer Unit – PTU) ติดตั้งไว้ด้านหน้าของเครื่องยนต์ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีการทำงานไม่เหมือนใคร เหล่านี้ช่วยให้รถมีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก หน้า:หลัง ที่ 49:51 เปอร์เซ็นต์ ใช้ขุมพลัง V12 ไม่มีระบบอัดอากาศ เครื่องยนต์ที่ขึ้นชื่อที่สุดของมาราเนลโลได้นำมาใช้ในยนตรกรรมรูปแบบใหม่หมดจดคันนี้ เพื่อให้แน่ใจว่ารถจะปลดปล่อยพละกำลังได้สูงกว่ารถรุ่นอื่นในกลุ่มเดียวกัน (ที่ 725 แรงม้า) ทั้งยังรับประกันได้ว่าจะมาพร้อมกับเสียงคำรามอันน่าหลงใหลของเครื่องยนต์เฟอร์รารี่อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ยังให้แรงบิดได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่รอบต่ำ เพื่อมอบความสนุกในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ
แอโรไดนามิกของ Purosangue ถูกพัฒนาขึ้นโดยมุ่งเน้นไปที่ตัวถังใต้ท้องรถ และดิฟฟิวเซอร์หลังให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ วิธีการใหม่ๆ รวมไปถึงการทำงานอย่างสอดคล้องกันระหว่างกันชนหน้าและซุ้มล้อ ที่ช่วยสร้างม่านอากาศขึ้นมาปิดล้อคู่หน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดลมหมุนย้อนกลับ
นอกจากนั้น เฟอร์รารี่ยังติดตั้งระบบควบคุมไดนามิกของรถรุ่นล่าสุดซึ่งถูกนำมาใช้กับรถสปอร์ตที่ทรงพลังและพิเศษที่สุดมาแล้ว ให้กับ Purosangue อีกด้วย นั่นรวมไปถึงระบบเลี้ยวอิสระสี่ล้อ และระบบ ABS ‘evo’ พร้อม Chassis Dynamic Sensor แบบ 6 ทิศทาง (6w-CDS) และที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกคือระบบช่วงล่างแบบแอคทีฟของเฟอร์รารี่ ซึ่งเห็นผลอย่างยิ่งในการควบคุมการเอียงตัวของรถขณะเข้าโค้ง และทำให้หน้ายางยังคงติดพื้นขณะวิ่งบนผิวทางขรุขระ จึงสามารถถ่ายทอดสมรรถนะและการตอบสนองต่อการบังคับควบคุมได้เช่นเดียวกับรถสปอร์ตรุ่นต่างๆ ของแบรนด์
แชสซีส์แบบใหม่หมดจด มาพร้อมกับหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อช่วยลดน้ำหนักและจุดศูนย์ถ่วงของรถ การออกแบบตัวถังขึ้นใหม่ทั้งหมดยังหมายถึงทีมออกแบบสามารถใส่ประตูหลังแบบบานพับอยู่ด้านหลัง (Welcome Doors) เข้าไปได้ ทำให้สามารถ เข้า-ออก รถได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ทว่ายังคงช่วยให้รถมีขนาดกะทัดรัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ห้องโดยสารมาพร้อมกับเบาะไฟฟ้าแบบทำความร้อนได้ทั้ง 4 ที่นั่ง สามารถรองรับผู้ใหญ่ 4 คน ได้อย่างสะดวกสบาย ที่เก็บสัมภาระท้ายรถมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เฟอร์รารี่เคยมีมา และเบาะหลังยังสามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่ใส่สัมภาระได้อีกด้วย จากรูปแบบของรถทำให้ Purosangue มีตำแหน่งการขับขี่ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในรถได้เหนือกว่าเฟอร์รารี่รุ่นอื่นๆ แต่การจัดวางก็ยังคงเป็นแบบเดียวกับเฟอร์รารี่ทุกคัน นั่นคือตำแหน่งการขับขี่ที่กระชับและใกล้กับพื้น เพื่อมอบความรู้สึกเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับการเคลื่อนไหวของรถ
Purosangue มอบตัวเลขสมรรถนะระดับหัวแถวในคลาส (จาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใน 3.3 วินาที และจาก 0 ถึง 200 ใน 10.6 วินาที) ตำแหน่งการขับขี่และเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของขุมพลัง V12 แบบไม่มีระบบอัดอากาศ ต่างมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์เฟอร์รารี่ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนั้น ยังติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายมาให้เป็นมาตรฐานมากมาย เช่น ชุดเครื่องเสียง Burmester© ตลอดจนออปชั่นสุดพิเศษที่มีให้เลือกมากมาย รวมทั้งหนัง Alcantara® แบบใหม่ ที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ผ่านการรับรอง ทำให้ Purosangue เป็นยนตรกรรมแบบ 4 ประตู, 4 ที่นั่ง ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในกลุ่ม
Purosangue ไม่มีที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง ดังนั้นกระจกหลังจึงได้รับการทำความสะอาดจากอากาศที่ไหลไปตามพื้นผิวของกระจก พื้นผิวส่วนล่างของสปอยเลอร์แบบลอยตัวมีความโค้งเพื่อรับประกันว่าอากาศจะไหลผ่านที่ความเร็วและทิศทางที่ถูกต้องไปยังกระจกหลัง มีตัวสร้างลมหมุน 2 ชุด ติดตั้งไว้ที่พื้นผิวใต้สปอยเลอร์ เพื่อปรับความสม่ำเสมอของอากาศที่กระทบพื้นผิว ช่วยต้านกระแสลมหมุนที่เกิดจากเสา C และยังทำงานร่วมกับรูปทรงเฉพาะของกระจกหลังอีกด้วย
ตัวถังภายนอก
ตัวถังของ Purosangue ได้รับการออกแบบและขัดเกลาอย่างประณีตเพื่อให้เกิดเป็นรูปทรงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์ประกอบด้วยสองส่วนที่แยกออกจากกันอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนล่างของตัวรถเน้นไปทางเทคนิคบริเวณใต้ท้องรถ ขณะที่ตัวถังส่วนบนมีความน่าเกรงขามและสง่างาม โดยจุดนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดูราวกับลอยตัวอยู่เหนือซุ้มล้อทั้งสี่
แม้ส่วนเว้าส่วนโค้งของ Purosangue จะดูบึกบึนกว่ารถสปอร์ตที่ทรงพลังที่สุดของเฟอร์รารี่ ทว่าส่วนสูงของรถได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี จึงสร้างสัมผัสที่ดูเพรียวบางได้อย่างน่าประทับใจ ขณะเดียวกัน เพื่อทำให้ Purosangue มีสัดส่วนที่ดูทรงพลัง ทีมงานของ Ferrari Styling Centre จึงกล้าที่จะเลือกใช้รูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมเป็นหลัก รูปทรงของ Purosangue ถูกมองเป็นประติมากรรมที่แสดงให้เห็นถึงการยกระดับการพัฒนาแอโรไดนามิกขึ้นไปอีกขั้นได้อย่างน่าทึ่ง สิ่งนี้ปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจนในรายละเอียดต่างๆ ของรถ เช่น ผลที่ได้จาก Aerobridge ที่ติดตั้งอยู่ระหว่างด้านหน้ารถและข้างตัวถัง ทุกองค์ประกอบด้านแอโรถูกมองเป็นโอกาสในการปรับปรุงรูปลักษณ์ของประติมากรรม เพื่อเน้นให้เห็นความมีสไตล์ของรถ แนวคิดเรื่องสัมผัสที่บางเบาและความกะทัดรัด ยังถูกนำไปใช้กับหลังคาด้วยปีกหลังขนาดใหญ่ที่ตอกย้ำให้เห็นความบึกบึนที่ช่วยให้รถมีสัดส่วนที่ไม่มีใครเหมือน
มัดกล้ามที่ส่วนท้ายรถโอบรับไปสู่ด้านหลัง ที่ซึ่งเส้นตัดแนวนอนถูกผสานเข้ากับส่วนปลายขอบของไฟท้าย ใต้ชุดไฟคือปล่องระบายอากาศสองปล่องที่มาบรรจบกัน ดิฟฟิวเซอร์และปีกหลังขนาดใหญ่ สอดประสานกันจนทำให้มุมมองด้านหลังดูแผ่กว้างอย่างยิ่ง ร่วมด้วยห้องโดยสารแบบสปอร์ตที่วางต่ำไว้บนส่วนเว้าส่วนโค้งนี้ ขนาดที่กะทัดรัดเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งให้รถมีความสปอร์ต โดยไม่สูญเสียพื้นที่และความสะดวกสบายในห้องโดยสารไป โปรไฟล์ของห้องโดยสารโดดเด่นด้วยกระจกหน้าที่ลาดเอียงและเสา A ซึ่งลื่นไหลต่อเนื่องสู่สปอยเลอร์ด้านหลัง ด้านล่างเป็นสันเนินคู่ที่โดดเด่นซึ่งเป็นสิ่งที่นำสายตาไปยังกระจกหลัง ล้อแบบฟอร์จ ลวดลายเฉพาะตัวถูกออกแบบขึ้นสำหรับ Purosangue โดยมีพื้นฐานมาจากคอน เซปต์เรื่องแอโรแบบเดียวกับในรุ่น SF90 Stradale โดยองค์ประกอบด้านนอกของล้อจะทำหน้าที่ดูดอากาศร้อนออกจากโพรงซุ้มล้อ ครีบอากาศเหล่านี้ยื่นออกมาจากพื้นผิวสามมิติของล้อ และเน้นย้ำด้วยการตกแต่งแบบไดมอนด์คัทเพื่อความหรูหรา
ภายในของ Purosangue ต้องการความพิถีพิถันในการออกแบบ ทั้งในส่วนของพื้นที่และการตกแต่ง ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุอย่างเอาใจใส่เพื่อให้ได้มาซึ่งพื้นที่สำหรับผู้โดยสารในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมความสะดวกสบายตามแบบฉบับของรถเฟอร์รารี่ 4 ที่นั่ง ห้องโดยสารให้ภาพลักษณ์และความรู้สึกราวกับห้องนั่งเล่นที่หรูหราและโฉบเฉี่ยวแบบสุดขั้ว เมื่อเปิดประตู จะเผยให้เห็นพื้นที่กว้างขวางจนน่าทึ่ง และที่น่าแปลกใจพอๆ กันก็คือ การตกแต่งภายในที่หรูหราล้ำสมัย จนรู้สึกได้ถึงความสง่างามและล้ำยุค ภาษาการออกแบบยุคใหม่ผสานเข้ากับสุนทรียะของรถสปอร์ต GT อันเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์รารี่ได้อย่างกลมกลืน รูปทรงทั้งหมดมีขนาดกะทัดรัดแต่มีเจตนาเพื่อเพิ่มทั้งพื้นที่ใช้สอยและสรีรศาสตร์
สถาปัตยกรรมภายในห้องโดยสารของPurosangue ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคอนเซปต์แบบค็อกพิตคู่ ซึ่งใช้ดีไซน์แบบเดียวกันต่อเนื่องไปยังเบาะหลัง เกิดเป็น4 พื้นที่ ที่แยกจากกันอย่างชัดเจนทั้งในแง่ของฟังก์ชัน,รูปทรง,วัสดุ และสีสัน หลักการนี้ส่งผลให้องค์ประกอบของห้องโดยสารซึ่งมีดีไซน์ตามแนวนอนและไร้รอยต่อระหว่างกัน ดูกว้างขวางโอ่อ่าทว่ายังคงรักษาส่วนเว้าส่วนโค้งที่บางเบาและพริ้วไหวเอาไว้ได้ครบถ้วน
คอนโซลกลางที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผสานเข้ากับโครงสร้างรูปตัวYซึ่งโดดเด่นด้วยฐานเกียร์ทำจากโลหะ องค์ประกอบที่เรียบง่าย ทว่าได้รับการออกแบบมาอย่างดีพอๆ กัน คือปุ่มควบคุมกระจกหน้าต่าง,ที่วางแก้วแบบคู่ที่ทำจากแก้วเพื่อความหรูรา และช่องเก็บกุญแจซึ่งอยู่รวมในโซนแท่นชาร์จแบบไร้สาย พื้นที่ส่วนล่างมีช่องใส่ของกระจุกกระจิก และยังช่วยสร้างความรู้สึกต่อเนื่องกับพื้นอย่างไร้รอยต่อ ด้วยสีสันและวัสดุนำมาใช้ ส่วนประกอบของค็อกพิตที่เกิดจากรูปทรงเปลือกหอยอันเป็นเอกลักษณ์ ผสานรวมและสร้างจุดดึงดูดสายตาให้กับระบบเสียงที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เฟอร์รารี่เคยมีมา นอกจากนี้ยังเน้นเรื่องความสะดวกสบายเป็นพิเศษบริเวณที่พักแขนและมือเปิดประตูอีกด้วย
นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเฟอร์รารี่ที่ใช้เบาะแบบปรับด้วยไฟฟ้าที่ติดตั้งแยกอิสระต่อกันทั้ง 4 ตัว การผสมผสานส่วนประกอบที่เน้นความสบาย,การใช้โฟมที่ปรับความหนาแน่นได้ และระบบกันสะเทือนใหม่ หมายความว่าPurosangue จะมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมเลย์เอาต์ที่แสดงถึงความสปอร์ตและสง่างามตามแบบฉบับของภาษาการออกแบบจากเฟอร์รารี่ พนักพิงแบบทำความร้อนได้สามารถปรับและเอนได้อย่างอิสระ และหากเลื่อนไปข้างหน้าจนสุด จะช่วยเพิ่มความจุสัมภาระของPurosangue ได้อย่างมาก
การแสวงหาหนทางสู่ความหรูหราของเฟอร์รารี่ ไม่ได้ละเลยแม้เพียงวินาทีต่อความรับผิดชอบกับสิ่งแวดล้อมและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน วัสดุที่ยั่งยืนถูกนำมาใช้ในห้องโดยสารของPurosangueทั่วทั้งคัน จึงเปิดโอกาสให้สามารถผสมผสานรูปแบบใหม่ๆ เข้าไปได้ ข้อเท็จจริงก็คือ85 เปอร์เซ็นต์ ของการตกแต่งในรถคันนี้ใช้วัสดุที่มีความยั่งยืนทั้งสิ้น ผ้าบุหลังคาผลิตจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล,พรมจากโพลีอารามิดซึ่งรีไซเคิลมาจากอวนที่เก็บได้จากทะเล และหนังAlcantara®สูตรใหม่ ที่ทำมาจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลเช่นกัน โดยPurosangueนับเป็นรถคันแรกๆ ของโลกที่ใช้หนังAlcantara®รุ่นพิเศษซึ่ง68 เปอร์เซ็นต์ ทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล สำหรับAlcantara®รุ่นนี้ ได้รับมาตรฐานจากRecycled Claimed Standard (RCS)ซึ่งรับรองโดยICEAเป็นมาตรฐานสากลชั้นนำที่ตรวจสอบยืนยันวัสดุรีไซเคิลและติดตามวัสดุจากแหล่งกำเนิดไปยังผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายได้
แทนที่จะใช้พรมหรือหนังแบบดั้งเดิมในการตกแต่งพื้นรถ ผู้เป็นเจ้าของสามารถเลือกใช้ผ้าพิเศษแบบกันกระสุนซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในเครื่องแบบทหารได้ เนื่องจากมีความเหนียวและทนทานเป็นพิเศษ หนังกึ่งอนิลีนสีน้ำตาลเข้มที่ร่วมสมัยและหรูหราได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกเช่นกัน สุดท้ายคือการตกแต่งแบบสปอร์ตด้วยคาร์บอนทอด้วยลวดลายใหม่ ที่เป็นอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษ ซึ่งทอโดยสอดลวดทองแดงชั้นดีเข้าไปผสมผสานด้วย จึงให้ได้รูปลักษณ์ที่มีรายละเอียดสูงกว่าคาร์บอนไฟเบอร์แบบปกติ
ชุดเครื่องเสียงสามมิติรอบทิศทาง Burmester® 3D High-End Surround Sound Systemก็เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่นำมาใช้ในรถยนต์เฟอร์รารี่เป็นครั้งแรกเช่นกัน ระบบเสียงชุดนี้ให้ที่สุดแห่งประสิทธิภาพตั้งแต่ย่านความถี่ต่ำถึงสูง ด้วยการใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย เป็นครั้งแรกที่มีการนำทวีตเตอร์ทรงแท่งมาใช้ในรถยนต์ ขณะที่ซับวูฟเฟอร์ติดตั้งไว้ในกล่องระบบปิดเพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงเบสที่ผสานความกระจ่างชัด,พลังเสียงและความเร็ว ได้อย่างน่าทึ่งที่ย่านความถี่ต่ำ ระบบเสียงสามมิติมาพร้อมกับPre-set หลากหลายรูปแบบ มอบประสบการณ์เสียงที่สมจริง,น่าตื่นเต้น และมีคุณภาพสูง สะท้อนลักษณะเฉพาะตัวของรถได้อย่างชัดเจน และตอกย้ำถึงแก่นแท้แห่งผลงานชิ้นเอกของยนตรกรรมที่ผลิตในMaranello
ในบรรดาสีที่มีให้เลือกทั้งหมด มีสีNero Purosangue ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับรถรุ่นนี้ โดยใช้เม็ดสีที่ในบางสภาพแสงจะทำให้เกิดการสะท้อนออกมาเป็นสีแดงที่เข้มข้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มวอลลุ่มของรถได้อย่างสวยงาม
ระบบขับเคลื่อน
เครื่องยนต์ของPurosangue (รหัสF140IA)ยังคงไว้ซึ่งรูปแบบที่ทำให้ขุมพลัง 12 สูบ อันเลื่องลือของม้าลำพองประสบความสำเร็จมาอย่างล้นหลาม เช่น เสื้อสูบทำมุม65 องศาระหว่างกัน,ความจุ6.5 ลิตร,ดรายซัมพ์ และหัวฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขุมพลังนี้ถูกออกแบบให้ทำแรงบิดสูงสุดได้ที่รอบต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่สูญเสียสัมผัสแห่งพละกำลังที่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปกติของเครื่องยนต์V12 ไม่มีระบบอัดอากาศจากเฟอร์รารี่ 80 เปอร์เซ็นต์ของแรงบิดมีให้ใช้ที่รอบต่ำเพียง2,100 รอบ/นาที และสูงสุด716 นิวตันเมตร ที่6,250 รอบ/นาที แรงม้าสูงสุด725 แรงม้า ที่7,750 รอบ/นาที ร่วมด้วยบุคลิกการตอบสนองคันเร่งแบบเดียวกับรถสปอร์ตขนานแท้
ท่อไอดี,การจุดระเบิด และไอเสีย ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ขณะที่ฝาสูบนำมาจากรุ่น812 Competizioneจุดที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงกลและการเผาไหม้ โดยปรับใช้จากแนวคิดที่ได้มาจากรถแข่งฟอร์มูล่า1 ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เฟอร์รารี่เคยมีติดตั้งในรถแบบ 4 ที่นั่ง ทั้งยังทรงพลังที่สุดเมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน รวมถึงเป็นรถเพียงหนึ่งเดียวที่ให้เสียงคำรามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามสไตล์ของเครื่องยนต์เฟอร์รารี่ V12
เพื่อรับประกันว่าจะได้ประสิทธิภาพเชิงกลสูงสุดมวลของชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวต่างๆ จึงถูกออกแบบขึ้นใหม่
เพลาข้อเหวี่ยงเหล็กเคลือบไนไตร์ด ได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มช่วงชักส่วนท่อทางเดินน้ำมันเครื่องภายในออกแบบใหม่ให้เพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำมันไปยังแบริ่งได้มากยิ่งขึ้นความคลาดเคลื่อนของแบริ่งที่น้อยลงกว่าเดิมช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองลงได้ปั๊มน้ำหล่อเย็นและปั๊มน้ำมันเครื่องก็ได้รับการออกแบบใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่การลดความฝืดและมวลด้วยการใช้โรเตอร์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กลง และปรับทางเข้าออกให้เหมาะสมที่สุด รวมไปถึงการซีลโรเตอร์อีกด้วย
ชุดควบคุมการเปิดปิดวาล์วเป็นแบบใหม่ทั้งหมด ขณะที่กระบวนการขัดผิวแบบใหม่ให้กับแคมชาฟต์ช่วยลดความหยาบของพื้นผิวและลดแรงเสียดทานระหว่างลูกเบี้ยว,แกนของแคมชาฟต์เอง และถ้วยกดวาล์วแบบไฮดรอลิกเพื่อปรับCurveของแรงบิดให้เหมาะสม และให้แน่ใจว่า (แรงบิด) จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงความเร็วรอบ จึงมีการแก้ไขรูปทรงของท่อไอดีและท่อร่วมอากาศ รูปแบบการจัดวางระบบระบายไอเสียก็ถูกปรับให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลและลดแรงดันย้อนกลับ นอกจากนั้น ลูกสูบยังเป็นแบบเฉพาะที่ออกแบบหัวลูกสูบให้เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้มากขึ้น
ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ประกอบด้วยปั๊มเชื้อเพลิงแรงดันสูง (350 บาร์) สองตัว สำหรับส่งน้ำมันเบนซินไปยังหัวฉีดเพื่อใช้ในการเผาไหม้ระบบจุดระเบิดที่ประกอบด้วยคอยล์และหัวเทียน12 ชุด ได้รับการตรวจสอบตลอดเวลาโดยECUที่มีระบบตรวจจับไอออนที่จะคอยวัดกระแสไอออไนซ์เพื่อควบคุมจังหวะการจุดระเบิดมีการทำงานทั้งแบบจุดระเบิดครั้งเดียวและหลายครั้ง เพื่อให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุกย่านความเร็วรอบเครื่องนอกจากนั้นECUยังควบคุมการเผาไหม้ในกระบอกสูบเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องยนต์จะทำงานในช่วงอุณหภูมิที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอด้วยการประมวลผลที่ซับซ้อนเพื่อรับรู้ค่าออกเทน (RON)ของเชื้อเพลิงในถังและปรับ
(การจุดระเบิด) ล่วงหน้าให้เหมาะสมกับเชื้อเพลิง การทำงานอื่นๆของเครื่องยนต์ยังรวมไปถึงฟังก์ชันที่ได้รับการจดสิทธิบัตรใหม่ซึ่งได้มาจากความเชี่ยวชาญด้านการแข่งขันฟอร์มูล่า1 ของเฟอร์รารี่ที่จะช่วยเพิ่มแรงบิดให้เหมาะสมระหว่างการเร่งความเร็วในช่วงรอบต่ำและกลาง
เสียงคำรามของขุมพลังF140IAเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการผสมผสานระหว่างเสียงบรรเลงอันไพเราะที่รังสรรค์ขึ้นโดยลำดับการเผาไหม้ของเครื่องยนต์และความสามารถของเฟอร์รารี่ในการควบคุมเสียงในห้องโดยสาร
ท่อร่วมไอเสียที่มีความยาวเท่ากันทั้งหมดได้รับการปรับแต่งเพื่อรับประกันว่าการประสานเสียงของกระบอกสูบทั้ง12 จะออกมาอย่างไร้ที่ติท่อร่วมอากาศแบบใหม่พร้อมกับช่องรับอากาศที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เสียงโทนแหลมสูงร่วมกับเสียงย่านความถี่กลาง หม้อพักไอเสียแบบโปรเกรสซีฟทั้ง2 ชุด ซึ่งสามารถสั่งการทำงานได้ผ่าน Manettino รองรับการขับขี่ทั้งในเมืองและในแบบเพอร์ฟอร์มานซ์สุ้มเสียงที่ได้ยังคงความเป็นเฟอร์รารี่ไว้เช่นเคยด้วยเสียงบรรเลงอันไร้ที่ติของขุมพลังV12 ที่กึกก้องทว่าละเอียดลออจนกระทั่งผู้ขับเร่งเครื่องเต็มกำลัง เมื่อเครื่องยนต์เข้าใกล้เรดไลน์ที่8,250 รอบ/นาทีจะปรากฏเป็นเสียงคำรามอันน่าหลงใหลกระทั่งแตะรอบสูงสุด
ซึ่งมีเพียงเครื่องยนต์ของเฟอร์รารี่เท่านั้นที่มอบเสียงแบบนี้ได้
โครงสร้างของเกียร์8 จังหวะ,คลัตช์น้ำมันคู่ได้รับการปรับให้เหมาะสมผ่านการใช้ดรายซัมพ์และชุดคลัตช์ที่มีขนาดกะทัดรัดกว่าเดิมอย่างมากช่วยลดความสูงไปได้15 มม. เมื่อติดตั้งเข้าไปในรถซึ่งทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลงไปด้วยประสิทธิภาพของคลัตช์ชุดใหม่เพิ่มสูงขึ้น35 เปอร์เซ็นต์ รองรับแรงบิดระหว่างเปลี่ยนเกียร์ได้มากสุดถึง 1,200 นิวตันเมตร ชุดควบคุมแรงดันไฮดรอลิกเจเนอเรชั่นใหม่ช่วยให้เวลาในการปลดและจับคลัตช์เร็วกว่าเดิม ทำให้เวลารวมในการเปลี่ยนเกียร์ลดลงเมื่อเทียบกับเกียร์DCT 7 จังหวะ รุ่นก่อนหน้านี้ อัตราทดเกียร์ใหม่หมายถึงแต่ละเกียร์จะสั้นลงและต่อเนื่องมากขึ้น ขณะที่อัตราทดเกียร์สูงที่ยาวขึ้นจะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเมื่อขับขี่ทางไกล การเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ (Down shift)ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานได้นุ่มนวล พร้อมมุ่งเน้นไปที่ความสนุกในการขับขี่และเสียงจากขุมพลังV12 ตัวใหม่
อุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษและการตกแต่งอื่นๆ
Purosangueมีอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษและการตกแต่งแบบเฉพาะตัว ให้เลือกสรรหลากหลายชนิด ช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของรังสรรค์สมดุลระหว่างความสะดวกสบายและประสิทธิภาพได้อย่างสมบูรณ์ตามความต้องการ นอกจากสีตัวถังและห้องโดยสารที่หลากหลาย รวมถึงสีพิเศษเฉพาะรุ่นนี้แล้ว ยังมีการเปิดตัวนวัตกรรมในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่สำหรับทั้งกับเฟอร์รารี่เองและตลาดโดยรวมอีกด้วย
เป็นครั้งแรกของเฟอร์รารี่ที่เปิดโอกาสให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถเลือกปรับแต่งหลังคารถได้เอง โดยสามารถสั่งติดตั้งหลังคากระจกขนาดใหญ่เต็มพื้นที่แบบElectrochromicแทนหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานได้ ตัวกระจกเคลือบพื้นผิวด้านในด้วยฟิล์มElectro-sensitiveเมื่อมีกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กไหลผ่านฟิล์ม จะเกิดการเปลี่ยนระดับสีเพื่อให้มีแสงแดดส่องเข้ามาภายในห้องโดยสาร หรือปิดทึบได้เมื่อต้องการ เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมถุงลมนิรภัย10 ใบ มีระบบนวดที่จะมอบความผ่อนคลายให้กับผู้นั่ง โดยสามารถเลือกรูปแบบการนวดได้5 แบบ และเลือกความแรงได้ 3 ระดับ
Purosangueเป็นรถคันแรกของกลุ่มผลิตภัณฑ์จากเฟอร์รารี่ ที่มีเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศซึ่งสามารถตรวจสอบอากาศภายนอกรถและปรับปรุงคุณภาพอากาศในห้องโดยสารด้วยระบบควบคุมการหมุนเวียนอากาศอัจฉริยะ
และการใช้ตัวกรองที่สามารถป้องกันอนุภาคได้ถึ งPM2.5และยังเป็นครั้งแรกที่รถรองรับได้ทั้งระบบ Android AutoและApple CarPlay เป็นมาตรฐาน โดยเข้ามาแทนที่ระบบนำทางแบ บBuilt-in ของเดิม
การรับประกัน 7 ปี
มาตรฐานคุณภาพที่เหนือชั้นของเฟอร์รารี่และการมุ่งเน้นที่การบริการลูกค้า เป็นหัวใจสำคัญของโปรแกรมการบำรุงรักษาขยายระยะเวลาเพิ่มขึ้นเป็น7 ปี สำหรับPurosangue โปรแกรมนี้ครอบคลุมการบำรุงรักษาตามปกติทั้งหมดในช่วง7 ปีแรกของรถ การบำรุงรักษาตามกำหนดเวลานี้เป็นบริการพิเศษที่ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถของท่านจะมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัยตลอดเวลา บริการพิเศษนี้มีให้สำหรับผู้ที่ซื้อเฟอร์รารี่มือสองด้วยเช่นกัน
การบำรุงรักษาตามปกติ (ตามระยะทาง20,000 กม. หรือปีละครั้ง ไม่จำกัดระยะทาง),อะไหล่แท้ และการตรวจเช็คอย่างพิถีพิถันโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมโดยตรงที่ศูนย์ฝึกอบรมของเฟอร์รารี่ในมาราเนลโล โดยใช้เครื่องมือวินิจฉัยที่ทันสมัยที่สุด นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในข้อดีอีกมากมายของโปรแกรมGenuine Maintenanceบริการนี้ครอบคลุมทั่วโลก รวมถึงตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้งหมด
โปรแกรมการบำรุงรักษา7 ปีนี้ จะขยายขอบเขตของบริการหลังการขายที่เสนอโดยเฟอร์รารี่ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการรักษาประสิทธิภาพและความเป็นเลิศ อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ทุกคันที่สร้างขึ้นจากโรงงานในมาราเนลโล