เกรทวอลล์มอเตอร์ประเทศไทย เผยโฉม TANK 500 Hybrid SUV เวอร์ชันไทยก่อนวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ PRO และ ULTRA พร้อมขุมพลังไฮบริด 2.0 ลิตรเทอร์โบ กำลังสูงสุด 350 แรงม้า
GWM TANK 500 Hybrid SUV ถูกพัฒนาให้เป็นรถพรีเมียมเอสยูวีภายใต้แบรนด์ GWM TANK ซึ่งเป็นแบรนด์ที่พัฒนารถเอสยูวีโดยเฉพาะ ถือกำเนิดขึ้นและสร้างกระแสความนิยมในหมู่ผู้บริโภคในปัจจุบันด้วยยอดขายของแบรนด์เกินกว่า 200,000 คัน ในปี 2565 ที่ประเทศจีน โดยเวอร์ชันไทยจะได้เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 2.0 ลิตร พร้อมระบบเกียร์ DHT มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย คือ PRO และ ULTRA รวมถึงมีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ ขาว, ดำ, เทา, แดง และสีเทาคริสตัล (ใหม่)
ตัวถังของ TANK 500 Hybrid SUV มีขนาดความยาว 5,078 มม. ความกว้าง 1,934 มม. ความสูง 1,905 มม. และความยาวฐานล้อ 2,850 มม. ถูกออกแบบเน้นความหรูหราและแข็งแกร่ง ติดตั้งไฟหน้าแบบ Intelligent LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟ Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED รับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยแถบกระจังแนวนอน และสัญลักษณ์ของ TANK
ดีไซน์ด้านท้ายถูกออกแบบภายใต้แนวคิดออฟโรด ด้วยประตูท้ายแบบ Horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าเพื่อช่วยผ่อนแรงในการปิดประตูท้าย มาพร้อมยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้ายและกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ ติดตั้งหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิก เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า บันไดข้างระบบไฟฟ้าที่สามารถยืดเข้า-ออกได้อัตโนมัติเมื่อเปิดหรือปิดประตู และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa โดยเบาะนั่งผู้ขับขี่สามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง เบาะนั่งคู่หน้ามาพร้อมฟังก์ชันนวดและระบบระบายอากาศที่ตัวเบาะ และสามารถปรับตำแหน่งเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าจากปุ่มควบคุมฝั่งคนขับได้ เบาะนั่งแถวที่ 2 มาพร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศ เสริมด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศ ขณะที่เบาะแถว 3 สามารถปรับพนักพิงด้วยไฟฟ้าได้
TANK 500 Hybrid SUV มาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto สามารถแสดงแผนที่นำทางและข้อมูลการขับขี่ต่างๆ ขับกำลังเสียงผ่านลำโพง Infinity 12 ตำแหน่ง และแอมปลิฟายเออร์อิสระ
นอกจากนี้ ตัวรถยังถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ เช่น ระบบเปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากตัวรถ ระบบกุญแจ Smart Key และ Push Start, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมกรองอากาศ PM2.5, ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, เกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter, นาฬิกาแบบคลาสสิก และไฟตกแต่งภายในห้องโดยสารพร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี และกระพริบเป็นจังหวะ เป็นต้น
ขุมพลังของ TANK 500 Hybrid SUV ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 616 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ DHT พร้อมโหมดการขับขี่ 11 รูปแบบ อีกทั้งยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด เช่น
ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรด, ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) ที่สามารถส่งแรงเบรกไปยังล้อด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว ช่วยให้สามารถเลี้ยวในที่แคบได้ เป็นต้น