สำหรับตลาด อเมริกาเหนือ แน่นอนว่าศูนย์รวมในเรื่องของการผลิตรถยนต์เกือบทั้งหมดจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งในอดีตถือเป็นตลาดรถยนต์ที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป และความต้องการของรถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ BEV มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดรถยนต์เมืองลุงแซมเองก็ถูกแซงหน้าโดยประเทศจีน ทำให้เป้าหมายของบรรดาแบรนด์รถยนต์ทั้งหลายที่ในอดีตเคยพุ่งตรงไปที่สหรัฐอเมริกา กลับกลายเป็นว่าในตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงอย่าง เม็กซิโก แทน
เพราะอะไร ? เชื่อว่าคำถามนี้ผุดขึ้นมาทันที เพราะจริงอยู่ที่ในอดีตเม็กซิโกมีโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่อยู่ก็จริง และก็เป็นการผลิตรถยนต์เพื่อรองรับกับประเทศโลกที่ 3 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์รุ่นเก่าๆ ที่ถูกปรับมาเพื่อรองรับกับการใช้งานในประเทศที่อัตรารายได้ต่อหัวของประชากรที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งถ้ายังจำกันได้ เม็กซิโกถือเป็นฐานการผลิตใหญ่ของรถยนต์คลาสสิคอย่างโฟล์คเต่าที่ยังมีการผลิตเพื่อรองรับกับการใช้เป็นแท็กซี่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ปี 2022 รัฐบาลเม็กซิโกเริ่มดำเนินนโยบายในเรื่องของการเชิญชวนให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยเฉพาะการวางแผนให้ตัวเองเป็น Hub ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับที่อินโดนีเซียเคยได้รับความสนใจและตกเป็นข่าวอยู่ในช่วงกลางปีที่แล้ว
เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เพราะที่นี่คือแหล่งของ Lithium ที่ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับใช้ในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในปีที่แล้วเม็กซิโกคืออีกหนึ่งประเทศที่ได้รับการยอมรับว่า มีความสำคัญต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เพราะว่าที่นี่ถือว่ามี Lithium สำรองใต้พื้นผิวโลกมากที่สุดในโลก และว่ากันว่าได้รับการประเมินมูลค่าแล้ว มีสูงกว่าหนี้ต่างประเทศที่เม็กซิโกมีถึง 4 เท่าตัว หรือมี Lithium ที่มีมูลค่าราวๆ 215.77 พันล้านเหรียญสหรัฐฯเลยทีเดียว
แต่ที่ผ่านมาประเทศนี้ประสบปัญหาในเรื่องของการบริหารจัดการทั้งในส่วนของข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมืองที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของการคอรัปชั่นในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรส่วนนี้ จนกระทั่งประธานาธิบดี Andres Manuel Lopez Obrador ต้องประกาศเป็นวาระแห่งชาติในการตั้งทีมขึ้นมาดูแลและบริหารจัดการเพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรอันล้ำค่านี้อย่างมีประโยชน์สูงสุด และแน่นอนว่าทุกอย่างน่าจะดีขึ้น จนสามารถดึงดูดบรรดาแบรนด์รถยนต์จากยุโรปหรือแม้สหรัฐอเมริกาเข้ามาวางแผนตั้งโรงงานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว
นอกจากนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยที่อาจจะทำให้การดำเนินการทั้งหมดโดยทางภาครัฐฯ ไม่ประสบความสำเร็จคือ ความยากในการดึงทรัพยากรออกจากธรรมชาติ เพราะตามปกติแล้ว Lithium ที่พบในธรรมชาติส่วนใหญ่จะอยู่ในชั้นหิน หรือบ่อเกลือ แต่ที่พบในเม็กซิโกจะอยู่ในโคลน ซึ่งปรากฏว่ายังไม่เคยมีใครสามารถดำเนินงานในการดึงเอา Lithium จำนวนมากจากพื้นที่ในลักษณะนี้มาก่อน และจำเป็นจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญระดับสูง รวมถึงแหล่งเงินทุนมหาศาลในการจัดการ ซึ่งรัฐบาลเม็กซิโกอาจจะไม่สามารถสนับสนุนได้โดยที่ไม่อาศัยความช่วยเหลือจากภายนอก
แหล่ง Lithium ในเม็กซิโกแม้ว่าจะถูกประเมินว่ามีความน่าสนใจกว่าแหล่งในชิลี และอาร์เจนตินา ในแง่ของปริมาณ ชนิดที่สามารถผลักดันให้เม็กซิโกกลายเป็นประเทศมหาอำนาจ 10 อันดับแรกของ Lithium ได้เลย แต่ทว่าในเรื่องของการทำงานเพื่อดึงเอาทรัพยากรนี้ออกมานั้น ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน และปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาคือต้นทุนต่อหน่วยอาจจะแพงกว่าผลผลิตจากแหล่งอื่น ซึ่งทำให้ความต้องการ Lithium จากเม็กซิโกอาจจะไม่เป็นที่ต้องการมากสักเท่าไร
GM เดินแผนสร้างโรงงานผลิตรถไฟฟ้าเริ่มปีนี้
ในปี 2021 ทาง GM หรือ General Motors ประกาศลงทุน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศเม็กซิโก โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการในทวีปอเมริกาเหนือ
การสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในครั้งนี้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2021 ซึ่งในช่วงแรกจะผลิตรถยนต์ทั่วไปซึ่งรวมถึงรถยนต์ Chevrolet รุ่น Equinox และ Blazer รวมถึงผลิตชิ้นส่วนรถยนต์อย่างเกียร์ และ เครื่องยนต์ ก่อนที่จะเปลี่ยนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคต โดย GM มีแผนที่จะสร้างรถ EV ของให้กับ Chevrolet ทั้งหมด 2 รุ่นในปี 2023 อีกทั้งยังมีแผนที่จะผลิตแบตเตอรี่และชิ้นส่วนรถ EV ซึ่งจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
BMW เริ่มบุกพร้อมการลงทุน 870 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ด้วยการอยู่ใกล้กับตลาดสหรัฐอเมริกา และนโยบายสนับสนุนในเรื่องการลงทุนของทางภาครัฐ ทำให้ BMW เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกๆ ที่เริ่มเปิดเกมเข้าใส่ประเทศนี้ โดยช่วงกลางปี 2022 พวกเขายืนยันว่าจะทุ่มเงินราวๆ 870 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่นี่
นอกจากนี้การสร้างโรงงานที่เม็กซิโกได้สิทธิประโยชน์จากอัตราภาษี หรือ FTA-Free Trade Area เนื่องจากเม็กซิโกมีข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐอเมริกาและแคนาดา รวมถึงประเทศอื่นๆ ในละตินอเมริกา
จริงๆ แล้ว BMW มีโรงงานผลิตรถยนต์รุ่น Series 2 และ 3 อยู่ในเม็กซิโกอยู่แล้วที่เมือง San Luis Potosi ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ โดยเริ่มผลิตมาตั้งแต่ปี 2019 ส่วนการลงทุนครั้งนี้จะเป็นการลงทุนเพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่ เช่นเดียวกับโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่ยังไม่การเปิดเผยว่าเป็นรุ่นอะไร แต่ทางผู้บริหารของ BMW บอกว่าเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด หรือ Neue Klasse
สำหรับการลงทุนครั้งนี้จะสามารถสร้างงานได้ราวๆ 1,000 อัตราและทำให้เม็กซิโกเป็นฐานการผลิตหลักของ BMW ในการผลักดันให้นโยบายที่ประกาศออกไปเมื่อปีที่แล้วเป็นจริง โดยในตอนนั้นค่ายใบพัดสีฟ้ายืนยันว่าจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายรถยนต์ BEV ให้มีอัตราส่วนครึ่งหนึ่งของยอดขายรถยนต์ต่อปีภายในปี 2030
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ BMW จะเข้ามา เม็กซิโกเคยได้รับความสนใจจากบรรดาผู้ผลิตรถยนต์จากฝั่งยุโรปมาในระดับหนึ่งแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครกล้าที่จะลงทุนอย่างจริงเพราะประเด็นในเรื่องความมั่นคงทางการเมือง โดยก่อนหน้านี้ทาง Volvo เองเคยนำรถบัสโดยสารพลังไฟฟ้าเข้ามาทดสอบที่นี่เมื่อปี 2021 ภายใต้ความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม
ตอนนั้น Volvo นำรถบัสรุ่น 7900 Electric Bus มาแล่นทดสอบบนถนนสายที่ 4 ของระบบ Mexico City Metrobus System ในเมืองเม็กซิโก ซิตี้ ซึ่งรถที่นำไปทดสอบ เป็นรถขนาดความยาว 12 เมตร ที่ใช้เทคโนโลยีในแบบฉบับของวอลโว่ บัส ที่ไม่สร้างมลพิษทางอากาศและมลพิษทางเสียง ทั้งนี้เพื่อความยั่งยืนของการพัฒนาเมือง และมีการทดสอบราวๆ ครึ่งปี แต่สุดท้ายก็ไม่มีการยืนยันถึงการรุกตลาดอย่างเป็นทางการ
ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่เม็กซิโก
นอกจาก BMW แล้ว ดูเหมือนว่าเม็กซิโกจะได้รับความสนใจจากบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกในการใช้เป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เช่น เมื่อปลายปีที่แล้ว Tesla เองก็ประกาศที่จะสร้างโรงงานแห่งที่ 6 ของตัวเองที่ประเทศนี้ โดยโรงงานจะอยู่ที่เมือง Santa Catarina รัฐ Monterrey ซึ่ง Elon Musk หัวเรือใหญ่ของบริษัทเคยเดินทางไปรัฐดังกล่าวมาแล้วในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และมีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในเรื่องต่างๆ รวมถึงมีการพูดคุยกับศุลกากรของประเทศเม็กซิโกเพื่อที่จะนำชิ้นส่วนเข้าออกระหว่างสหรัฐอเมริกากับเม็กซิโกได้ โดยโรงงานของ Tesla ในเม็กซิโกนั้นเป็นแผนงานที่ถูกวางเอาไว้จากการก่อสร้างต่อจากโรงงานที่เบอร์ลิน
ขณะที่ทาง Volkswagen เอง ซึ่งถือว่าเป็นขาใหญ่ของที่นี่ เพราะมีการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์โฟล์คเต่าที่เมือง Puebla ซึ่งยุติการผลิตไปในเดือนมิถุนายนปี 2003 หลังจากที่เริ่มผลิตมาตั้งแต่ปี 1955 โดยจากข่าวที่มีการยืนยันออกมานั้นเชื่อว่า Audi ซึ่งอยู่ในเครือ Volkswagen จะเป็นแบรนด์ที่เข้ามาก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่นี่ ด้วยเหตุผลเดียวกับแบรนด์อื่นๆ คือ ค่าแรงถูก และได้สิทธิ์ในด้านภาษีตามข้อตกลงของ NAFTA
สำหรับแบรนด์อื่นๆ ที่มีข่าวในเรื่องการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็มีทั้ง Link EV ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Citizens Resources บริษัทพลังงานในสหรัฐฯ เผยว่า มีแผนงานที่จะสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเมือง Puebla ซึ่งเป็นรัฐทางตอนกลางของเม็กซิโก โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 265 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามด้วย Ford และ Fiat-Chrysler ต่างก็มีแผนการในการเปิดโรงงานที่นี่ด้วยเช่นกัน
ส่วนแบรนด์จีนอย่าง BYD เมื่อปลายปี 2022 มีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่จะจำหน่ายที่นี่ คือ รุ่น Tang และ Han พร้อมกับการตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 8 รายด้วยกัน โดยทาง BYD ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดแห่งนี้สำหรับปี 2023 สูงถึง 10,000 คัน และ 30,000 คันภายในปี 2024
แน่นอนว่าด้วยความร่ำรวยทางทรัพยากรที่มีค่าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า บวกกับปัจจัยอื่นๆ ที่เอื้อต่อการผลิต รวมถึงการอยู่ใกล้กับตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและแคนาดา จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมในช่วงนี้ตลาดเม็กซิโกถึงเนื้อหอมสำหรับใครที่กำลังมองหาทำเลในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า-BEV