xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดรถปี 2022 จีนยอดขายสูงสุด โตโยต้า ครองแชมป์ 3 ปีติดกัน Ford F-150 ปิกอัพที่มาแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แน่นอนว่าตอนนี้มีการประกาศออกมาแล้วว่าโตโยต้าสามารถป้องกันแชมป์ในแง่ของตัวเลขยอดขายรถยนต์รวมทั่วโลกสำหรับปี 2022 เอาไว้ได้ โดยแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น สามารถกวาดยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 10.5 ล้านคัน และทำให้พวกเขากลายเป็นแบรนด์ที่มียอดขายรถยนต์สูงสุดในโลก 3 ปีติดต่อกัน

ท่ามกลางสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ระอุขึ้นในช่วงต้นปี บวกกับสถานการณ์ของ โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้ภาพรวมของตลาดรถยนต์ทั่วโลกในแง่ยอดขายของปี 2022 ของแต่ละประเทศและแต่ละภูมิภาค มีเรื่องราวที่น่าสนใจและน่าติดตาม เราลองมาดูกันว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

โตโยต้า แชมป์ 3 ปีติดกัน เอเชียตลาดรถยนต์ใหญ่สุดในโลก

จากการเปิดเผยออกมาของทาง Reuter.com ในปี 2022 โตโยต้า สามารถรักษาตำแหน่งแชมป์ของยอดขายรวมสูงสุดในปีที่แล้วเอาไว้ได้ กับตัวเลข 10.5 ล้านคัน ขณะที่เบอร์ 2 ตกเป็นของ Volkswagen Group ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 8.3 ล้านคัน โดยเหตุผลที่ Volkswagen ไม่สามารถเบียด โตโยต้า ขึ้นมาได้นั้น ต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งของยอดขายพวกเขาอยู่ในตลาดอย่างประเทศจีน ซึ่งปี 2022 ประเทศจีนได้รับผลกระทบจากการกลับมาระบาดซ้ำของ โควิด-19 เช่นเดียวกับการเจอปัญหาเรื่องการขาดแคลนวัตถุในการผลิตเพราะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งทำให้ตลาดใหญ่อย่างยุโรป ได้รับผลกระทบ

เมื่อดูจากตัวเลขเมื่อแบ่งเป็นประเทศต่างๆ แล้ว จีนยังถือเป็นประเทศที่มียอดขายรถยนต์สูงสุดในปี 2022 ด้วยตัวเลข 22,1400,000 คัน ครองสัดส่วน 27.88% ของยอดขายรวมทั่วโลก ขณะที่ตลาดสหรัฐอเมริกาตามมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วยตัวเลข 13,902,429 คันคิดเป็น 17.51% ของยอดขายรวม

จากการที่จีนขึ้นนำเป็นเบอร์ 1 ของโลกนั้น ทำให้เอเชียกลายเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยยอดขาย 31,549,797 คันหรือคิดเป็น 39.74% และเชื่อว่าไม่มีทางที่ทวีปอื่นๆ จะสามารถขยับขึ้นมาล้มตำแหน่งนี้ได้ เพราะเบอร์ 2 อย่างตลาดอเมริกาเหนือที่รวมแคนาดาและเม็กซิโกเข้าไปด้วย ยังมีตัวเลขห่างเยอะ โดยอยู่ที่ 16,494,758 คันหรือคิดเป็น 20.77% เท่านั้น และภาพรวมของยอดขายรถยนต์ในปี 2022 อยู่ที่กว่า 79 ล้านคัน


ตลาดรถยนต์จีนน่าจับตามอง และ EV มีส่วนช่วยอย่างมาก

แม้ว่าช่วงปี 2022 ตลาดรถยนต์จีนจะเจอกับปัญหาเรื่องของการระบาดซ้ำของ โควิด-19 จนทำให้เกิดการล็อกดาวน์หลายครั้ง และเศรษฐกิจหยุดชะงัก ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ถูกประเมินว่าน่าจะทำให้ภาพรวมของตลาดรถยนต์มีแนวโน้มว่าจะลดลง แต่สุดท้ายยอดขายก็ขยับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2021 ราวๆ 2% ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณการเติบโตของรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบ BEV และรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

ส่วนหนึ่งของยอดขายที่เติบโตนอกจากความนิยมของคนจีนแล้ว ยังอยู่ที่เรื่องของการที่ภาครัฐสนับสนุนการเป็นเจ้าของรถยนต์ประเภทนี้ได้ง่ายขึ้นด้วยการอุดหนุนในด้านราคาเพื่อให้มีราคาต่ำลงและเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเกิดจากการที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะเพิ่มยอดจำหน่ายรถยนต์ EV ให้ได้ 20% ของ Market Share ภายในปี 2025 ปัจจุบันมีบริษัทผลิตรถยนต์ EV กว่า 50 บริษัทในจีน และแม้กระทั่งบริษัทผลิตโทรศัพท์มือถืออย่าง Xiaomi และบริษัทด้าน Search Engine อย่าง Baidu ต่างก็มีแผนจะร่วมวงผลิตรถ EV ด้วยเช่นกัน

จากการเปิดเผยของ Motor1.com ระบุว่ารถยนต์ที่ติดในอันดับท็อปทรีของรถยนต์ขายดีที่สุดในจีนโดยแยกตามแบรนด์ คือ Wuling Hingguang โดยมีส่วนแบ่งทางตลาดถึง 20% หรือมียอดขาย 443,384 คัน รถยนต์รุ่นนี้เป็นมินิ BEV ราคาประหยัด ซึ่งเปิดจำหน่ายเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว Hongguang ไม่ได้ดูสวยเฉี่ยวแบบ Teslar แถมเล็กมากและวิ่งได้แค่ประมาณ 120 กิโลเมตร แต่กลับได้รับความนิยมในหมู่ผู้หญิงหรือแม่บ้านที่ใช้เดินทางในระยะใกล้ๆ แทนการใช้จักรยาน

อีกปัจจัยที่ทำให้รถ EV รุ่นนี้ขายดีคือราคาที่ถูกเพียงคันละ $4,500 เท่านั้น Hongguang Mini เป็นรถยนต์ที่เกิดจากการร่วมทุนกันระหว่าง GM , SAIC Motor และ Liuzhou Wuling Motors รถ EV รุ่นนี้มีราคาถูกเพราะแบตเตอรี่ผลิตในประเทศ ไม่มีแอร์ และให้แค่ระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานเท่านั้น รถ EV รุ่นนี้ไม่ได้ขายดีเพราะความบังเอิญแต่เกิดจากการทำวิจัยอย่างจริงจัง โดยให้ผู้บริโภคทดลองใช้ฟรีในช่วงการทำวิจัยกว่า 9,000 คัน และผลการวิจัยพบว่ารถรุ่นนี้เหมาะกับชีวิตคนเมืองที่ใช้เดินทางในระยะสั้นๆ เช่น ส่งลูกไปโรงเรียน ไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นทางเลือกแทนการขี่จักรยาน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนอายุ 20 กว่าๆ และเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ หลายคนแต่งรถด้วยลวดลายที่น่ารักและอวดรถกันบนโซเชียลมีเดีย ก็ยิ่งทำให้กระแสของรถตัวนี้แรงยิ่งขึ้นอีก

ยอดขายรถยนต์สูงสุด 3 อันดับแรกของจีน 1.BYD Song Plus 459,424 คัน 2.Nissan Sylphy 446,492 คัน 3.Wuling Hingguang 443,384 คัน



ปิกอัพยังขายดีในหลายประเทศ

ขณะที่ SUV กำลังได้รับความสนใจและมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเทรนด์ของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป จากการมองรถยนต์นั่งมาสู่รถยนต์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายขึ้น แต่สำหรับบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา หรือออสเตรเลีย และรวมถึงเมืองไทย ตลาดปิกอัพยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและมียอดขายอยู่ในระดับที่สูงเหมือนกับที่ผ่านมา

ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นตลาดรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกในปีนี้นั้น มีการแยกสัดส่วนของยอดขายรุ่นรถยนต์แต่ละรุ่นออกมา และปรากฏว่า Ford F-150 ยังคงครองความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย และเป็นรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในตลาด ด้วยตัวเลข 653,957 คัน และที่ผิดคาดคือ ในท็อปทรีของตลาดอเมริกานั้น เป็นปิกอัพหมดเลย นั่นคือ Chevrolet Silverado และ Ram Pick-UP โดยทั้งหมดเป็นปิกอัพในกลุ่ม Full-Size โดยมีตัวเลข 523,249 และ 468,344 คัน (ตามลำดับ) เช่นเดียวกับแคนาดาที่อยู่ในกลุ่มตลาดอเมริกาเหนือ Ford F-150 ครองยอดขายสูงสุดด้วยตัวเลข 105,043 คัน หรือคิดเป็น 7% ของยอดขายทั้งหมด

ตลาดออสเตรเลีย ซึ่งมีส่วนแบ่งในด้านยอดขาย 1.36% ของยอดขายรวมทั่วโลก หรือมียอดขายอยู่ที่ 1,081,429 คันนั้น ปิกอัพอย่าง Toyota Hilux ก็ครองตำแหน่งรถยนต์ขายดีที่สุดในปี 2022 ด้วยตัวเลข 64,391 คันหริอคิดเป็น 6% ของยอดขายรวม โดยมี Ranger ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ส่วน ตลาดนิวซีแลนด์ ซึ่งผู้บริโภคมีรสนิยมคล้ายกัน ยอดขายสูงสุดตกเป็นของ Ford Ranger คิดเป็น 9.9% ของยอดขายรวมทั้งหมด


ตลาดยุโรป รสนิยมไม่เปลี่ยน แต่ยอดขายยังไม่กระเตื้อง

แม้ว่าจะติดอยู่ในอันดับ 3 ของตลาดรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในโลก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ 2 อันดับแรกแล้ว ยุโรปถือว่ามีสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร เพราะจากการเปิดเผยออกมาพบว่าตลาด 4 แห่งที่มียอดขายสูงสุดคือ เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และอิตาลีมียอดขายที่ลดลง 6% เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2021 หรือลดลงถึง 7% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่เกิดการแพร่ระบาดของ โควิด -19 อย่างหนัก นั่นคือ 2020 และลดลงถึง 27% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2019

สำหรับรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในแต่ละประเทศนั้นถือว่าไม่มีอะไรน่าแปลกใจ รถยนต์ในกลุ่ม B หรือ C-Segment โดยเฉพาะตัวถังแฮทช์แบ็กยังได้รับการตอบรับที่ดี และก็มักจะเป็นรถยนต์ประจำชาติ เช่น เยอรมนีจะเป็น Volkswagen Golf มียอดขาย 84,282 คัน ส่วนในฝรั่งเศสจะเป็น Peugeot 208 มียอดขาย 88,912 คัน อิตาลีเป็น Fiat Panda 105,384 คัน ยกเว้นอังกฤษที่จะแตกต่างเพราะเป็น Nissan Qashqai มียอดขาย 42,704 คัน ซึ่งจะว่าไปแล้วรถยนต์รุ่นนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เพราะมีฐานการผลิตที่เมืองซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศที่มีการเดินหน้าผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV อย่างเต็มที่นั่น ผลที่ได้ก็เป็นไปตามคาด รถยนต์ที่ขายดีก็มักจะเป็น BEV อย่างนอร์เวย์ Tesla Model Y ครองตำแหน่งรถยนต์ขายดีด้วยตัวเลข 17,356 คันหรือคิดเป็น 10% ของยอดขายทั้งหมด

สำหรับ 2023 ถือเป็นปีที่น่าสนใจ เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่ตลาดรถยนต์จะเริ่มมีทางเลือกของรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบ BEV เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลายแบรนด์ต่างเริ่มเปิดตลาดกลุ่มนี้กันมากขึ้น หลังจากที่มีบางค่ายเผยนโยบายในด้าน BEV ของตัวเองออกมาช่วงปี 2021-2022 และคราวนี้ต้องมาดูกันว่า BEV จะสามารถทะลุทะลวงและกวาดยอดขายจนขึ้นมาครองเป็นอันดับ 1 ในตลาดหลักๆ ได้หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น