“จีน” กลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์ยักษ์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกแซงหน้า “เยอรมนี” ด้วยปริมาณตัวเลขส่งออกสูงถึง 3.11 ล้านคันภายในปี 2565 ที่ผ่านมา เป็นรองเพียง “ญี่ปุ่น” ที่ยังคงรั้งตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก
สมาพันธ์ผู้ผลิตยานยนต์ของจีนเผยตัวเลขการส่งออกรถยนต์สะสมรวมกว่า 3.11 ล้านคันตลอดทั้งปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่ายอดส่งออกรถยนต์ของเยอรมนีที่มีเพียง 2.61 ล้านคันเท่านั้น แม้ว่าปริมาณส่งออกรถยนต์ของเยอรมนีดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ราว 10% ก็ตาม ส่งผลให้เยอรมนีเสียตำแหน่งยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ให้กับจีนไปโดยปริยาย
ส่วนประเทศที่มียอดส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของโลกยังคงเป็นญี่ปุ่นเช่นเดิม แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีสรุปตัวเลขส่งออกตลอดทั้งปี 2565 ออกมา แต่ในช่วง 11 เดือนแรกก็สามารถทำยอดส่งออกสะสมมากกว่า 3.2 ล้านคัน อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์ว่าญี่ปุ่นจะมีตัวเลขส่งออกสะสมลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากปี 2564 ญี่ปุ่นมีปริมาณการส่งออกรถยนต์ไปนอกประเทศสูงถึง 3.82 ล้านคัน และมีความเป็นไปได้สูงว่าจีนจะสามารถขึ้นแซงญี่ปุ่นได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้ CITIC Security ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนของจีนคาดการณ์ไว้ว่า จีนจะสามารถส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปได้มากกว่า 5.5 ล้านคันภายในปี 2573 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า โดยจำนวนดังกล่าวจะมีปริมาณรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) อยู่ที่ 2.5 ล้านคัน อันเป็นผลจากการสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของกลุ่มประเทศในเอเชียใต้และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ
นอกจากนี้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของโลกในปัจจุบันกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในปี 2565 มีสัดส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็น 10% ของยอดขายรถใหม่ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีสัดส่วนประมาณ 8.3% เท่านั้น โดยมีปัจจัยมาจากภาวะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับการสนับสนุนรถยนต์พลังงานสะอาดของภาครัฐ ทำให้ประชาชนหันมาสนใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น