ช่วงปลายปี ซูซูกิ เปิดตัวรถใหม่รุ่น “ERTIGA Smart Hybrid” พร้อมเชิญสื่อร่วมทดสอบในระยะสั้นบนเส้นทางจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการขับขี่ในเมืองออกไปนอกเมืองไม่ไกลมากนักราว 60 กว่ากิโลเมตร เพื่อให้ได้สัมผัสถึงลักษณะของการทำงานของขุมพลัง Mild Hybrid ที่เรียกย่อๆ ว่า SHVS
ซูซูกิ ERTIGA เป็นรถอเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง และรุ่นใหม่นี้นำเทคโนโลยี Smart Hybrid แบบใหม่ของซูซูกิ ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้า (Integrated Starter Generator หรือ ISG)พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ION เพื่อช่วยเสริมกำลังการทำงานของเครื่องยนต์มีผลทำให้ลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มาดูรูปลักษณ์ภายนอกกัน มีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ คิ้วโครเมียมตกแต่งตำแหน่งใหม่ที่บริเวณใต้แนวกระจกบานหลัง พร้อมโลโก้ Hybrid สีน้ำเงินฟ้าใต้ป้ายชื่อรุ่นด้านขวา ยังมีส่วนระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ที่ทำงานร่วมกับฟังก์ชัน Guide Me Light ไฟส่องสว่างกลางคืน รวมไปถึงการพับกระจกมองข้างอัตโนมัติเมื่อล็อกรถและเมื่อปลดล็อกรถตัวกระจกจะยังไม่กางออกในทันที เราจะต้องกดปุ่ม Push Start ค้างเล็กน้อยจากนั้นกระจกมองข้างจะกางออกให้
ส่วนรายละเอียดออพชั่นต่าง ๆ ยังคงเดิม ไม่ว่าจะเป็นชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟตัดหมอก ไฟท้าย LED แบบ Light Guides มือเปิดประตูโครเมียม ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 15 นิ้วในรุ่น GX ส่วนของ GL เป็นสีเงินอีกลวดลายหนึ่งยาง 185/65 R15
ภายในห้องโดยสารการออกแบบภายบริเวณคอนโซลด้านหน้าและแผงประตูสีดำตกแต่งลายไม้สีเทา มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงพลังงานแบตเตอรี่ และสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ อาทิข้อมูลการขับขี่ Driving G-Force พร้อมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เชื่อมต่อกับความบันเทิงในทุกเส้นทางด้วยจอแสดงผลระบบสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว ฟังก์ชันเอนเตอร์เทนเมนท์ครบครัน ด้วยเครื่องเล่นวิทยุ MP3 และ WMA พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน สามารถรองรับการใช้งาน USB และ HDMI
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape พร้อมปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มควบคุมระบบสั่งการโทรศัพท์บนพวงมาลัย สะดวกสบายทุกการขับขี่ ด้วย Keyless entry และ Keyless Push Start พร้อมแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และช่องจ่ายไฟสำรอง 12V มากถึง 2 ตำแหน่ง ทั้งยังสะดวกสบายด้วยช่องวางเครื่องดื่ม 8 ตำแหน่ง พร้อมช่องเป่าลมเย็นบริเวณคอนโซลกลางและเย็นสบายอย่างทั่วถึงด้วยระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลังสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
ห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบาย ด้วยที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง พร้อมฟังก์ชันการปรับพับเบาะที่เหมาะกับทุกไลฟ์ไสต์ เบาะนั่งแถวที่สองปรับพับแยกเบาะแบบ 60:40 แถวที่สามแบบ 50:50 สามารถเลื่อนสไลด์ได้ 240 มิลลิเมตร จัดสรรสัมภาระได้อย่างลงตัวกับพื้นที่เก็บของอเนกประสงค์บริเวณใต้ห้องเก็บสัมภาระ เปิด-ปิด ได้อย่างอิสระ 50:50
หัวใจใหม่ ซูซูกิ ERTIGA Smart Hybrid มากับเครื่องยนต์เบนซิน K15B ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า แรงบิด 138 นิวตันเมตร เช่นเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (Integrated Starter Generator หรือ ISG)พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 6ah 12 V (ติดตั้งบริเวณใต้เบาะผู้โดยสารตอนหน้า) ซึ่งจะช่วยเสริมการทำงานของเครื่องยนต์ให้เครื่องประหยัดน้ำมันมากขึ้น ในขณะที่อัตราเร่งคงเดิม จับคู่ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมดิสก์เบรกที่ล้อคู่หน้าและดรัมเบรกที่ล้อคู่หลัง
สำหรับการลองขับรู้สึกไม่แตกต่างจาก ERTIGA ตัวเดิมเท่าไรหนัก เพียงแต่พอมี มอเตอร์ไฟฟ้า ISG เขามาช่วยเสริมการทำงานของเครื่องยนต์ทำให้เครื่องยนต์ฉีดน้ำมันน้อยลงส่งผลให้รถประหยัดน้ำมันขึ้นระดับหนึ่ง ในช่วงออกตัวมอเตอร์จะยังไม่ทำงาน แต่เมื่อค่อยๆ กดคันเร่งมอเตอร์จะเข้ามาช่วยทันที แต่หากเราคิกดาวน์คันเร่งจะกลายเป็นเครื่องยนต์ทำงานอย่างเดียว นั่นหมายความว่าหากคุณมีพฤติกรรมการขับขี่แบบขับเรื่อย ๆนิ่ง ๆ เท้าคงที มอเตอร์ไฟฟ้าจะเข้ามาช่วยเยอะมาก และจะทำให้ประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 25 % อย่างที่ซูซูกิเคลมไว้
สรุปได้ว่า ซูซูกิ ERTIGA Smart Hybrid ตอบโจทย์สำหรับการขับขี่ในเมืองชิล ชิล จะช่วยเรื่องประหยัดน้ำมัน นั่งสบาย บวกกับข้อดีของซูซูกิในเรื่องความคงทน ดูแลรักษาง่าย ไม่จุกจิก แถมรับประกันอายุแบตเตอรี่นานถึง 5 ปี”ที่สำคัญมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 134 กรัม/กิโลเมตร พูดๆ ง่ายเป็นรุ่นรักษ์โลก
“NEW SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID” แบ่งเป็น 2 รุ่น คือ GL ราคา 783,000 บาท และ GX ราคา 839,000 บาท เกียร์อัตโนมัติ มีสีทั้งหมด 4 สีได้แก่ สีแดง (สีใหม่) Mellow Deep Red, สีขาว (Pearl Snow White) สีเทา (Metallic Magna Gray) และสีดำ (Cool Black Metallic