เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ประกาศปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายครั้งใหญ่ มุ่งหน้าออนไลน์เต็มตัว Online Luxury โดยคงความเป็นแบรนด์หรู ส่งสัญญาณดีลเลอร์เตรียมพร้อมปรับเน้นบริการหลังการขาย ยกระดับภาพลักษณ์เลิกทำสงครามราคา พร้อมเปลี่ยนประธานคนใหม่เริ่มงานปีหน้า
แมทเทียส เลอร์ส ผู้อำนวยการภูมิภาค เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ กล่าวว่า ตามนโยบายในระดับโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลักพร้อม มุ่งเน้นเรื่องของการเป็นแบรนด์หรูหรา (Luxury) ในทุกภาคส่วนทั้งภาพลักษณ์ , การขาย และบริการหลังการขาย
ซึ่งการจะเป็นแบรนด์หรู จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลัก คือ ผลิตภัณฑ์ และบริการ โดยผลิตภัณฑ์มีการแยกส่วนของแบรนด์ให้ชัดเจนเช่น มายบัค และอีคิว เป็นต้น ซึ่งจะต้องทำควบคู่ไปกับการบริการ ที่ในยุโรปมี เอส-คลาส เลาจ์ ส่วนประเทศไทยมี มายบัค เลาจ์ เพื่อรองรับลูกค้าระดับวีไอพี ยกระดับความหรูหราให้กับแบรนด์ในภาพรวมได้
“การเป็นแบรนด์หรูต้องไม่มีการแข่งขันด้านราคา นับจากนี้จะยกเลิกการทำสงครามราคา โดยประเทศไทยอยู่ในระหว่างการดำเนินการปรับเปลี่ยน จะมีการยกระดับโชว์รูมและปรับรูปแบบการขายใหม่ ช่องทางดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น คือจะขายแบบออนไลน์เป็นหลัก ดีลเลอร์จะต้องปรับตัว ซึ่งช่องทางการจำหน่ายแบบออนไลน์จะมีการยกระดับให้สมกับเป็นแบรนด์หรูหราด้วยเช่นเดียวกัน” แมทเทียส กล่าว
ทั้งนี้มีหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนช่องทางการขายหลักมาเป็นออนไลน์เช่น แอฟริกาใต้ สวีเดน ออสเตรเลีย และอินเดีย ซึ่งประเทศไทยกำลังจะมีการเปลี่ยนประธานและซีอีโอคนใหม่ โดย มาร์ติน ชเวงค์ - ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (อินเดีย) จำกัด จะเข้ามารับตำแหน่งแทน โรลันด์ โฟล์เกอร์ - ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งกลับไปรับตำแหน่งใหม่ที่บริษัทแม่
สำหรับ มาร์ติน ชเวงค์ มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโครงสร้างการขายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อินเดียให้กลายมาเป็นแบบออนไลน์ได้อย่างสำเร็จสมบูรณ์ ส่วนประเทศไทยคาดว่าจะมีการปรับมาใช้รูปแบบการขายออนไลน์เป็นหลักได้ตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นปี โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางกฎหมายของประเทศไทยว่าจะทำได้รวดเร็วเพียงใด
แมทเทียส เลอร์ส ผู้อำนวยการภูมิภาค เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ กล่าวว่า ตามนโยบายในระดับโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลักพร้อม มุ่งเน้นเรื่องของการเป็นแบรนด์หรูหรา (Luxury) ในทุกภาคส่วนทั้งภาพลักษณ์ , การขาย และบริการหลังการขาย
ซึ่งการจะเป็นแบรนด์หรู จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลัก คือ ผลิตภัณฑ์ และบริการ โดยผลิตภัณฑ์มีการแยกส่วนของแบรนด์ให้ชัดเจนเช่น มายบัค และอีคิว เป็นต้น ซึ่งจะต้องทำควบคู่ไปกับการบริการ ที่ในยุโรปมี เอส-คลาส เลาจ์ ส่วนประเทศไทยมี มายบัค เลาจ์ เพื่อรองรับลูกค้าระดับวีไอพี ยกระดับความหรูหราให้กับแบรนด์ในภาพรวมได้
“การเป็นแบรนด์หรูต้องไม่มีการแข่งขันด้านราคา นับจากนี้จะยกเลิกการทำสงครามราคา โดยประเทศไทยอยู่ในระหว่างการดำเนินการปรับเปลี่ยน จะมีการยกระดับโชว์รูมและปรับรูปแบบการขายใหม่ ช่องทางดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น คือจะขายแบบออนไลน์เป็นหลัก ดีลเลอร์จะต้องปรับตัว ซึ่งช่องทางการจำหน่ายแบบออนไลน์จะมีการยกระดับให้สมกับเป็นแบรนด์หรูหราด้วยเช่นเดียวกัน” แมทเทียส กล่าว
ทั้งนี้มีหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนช่องทางการขายหลักมาเป็นออนไลน์เช่น แอฟริกาใต้ สวีเดน ออสเตรเลีย และอินเดีย ซึ่งประเทศไทยกำลังจะมีการเปลี่ยนประธานและซีอีโอคนใหม่ โดย มาร์ติน ชเวงค์ - ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (อินเดีย) จำกัด จะเข้ามารับตำแหน่งแทน โรลันด์ โฟล์เกอร์ - ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งกลับไปรับตำแหน่งใหม่ที่บริษัทแม่
สำหรับ มาร์ติน ชเวงค์ มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโครงสร้างการขายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อินเดียให้กลายมาเป็นแบบออนไลน์ได้อย่างสำเร็จสมบูรณ์ ส่วนประเทศไทยคาดว่าจะมีการปรับมาใช้รูปแบบการขายออนไลน์เป็นหลักได้ตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นปี โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางกฎหมายของประเทศไทยว่าจะทำได้รวดเร็วเพียงใด