โตโยต้า พรีอุส เจเนอเรชันที่ 5 ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ปรับดีไซน์เน้นความสปอร์ตเฉียบเต็มพิกัด มีให้เลือกทั้งขุมพลังไฮบริด 1.8 ลิตร / 2.0 ลิตร และปลั๊กอินไฮบริด 2.0 ลิตร พร้อมแบตเตอรี่วิ่งไฟฟ้าล้วนไกลขึ้น 50% เตรียมวางจำหน่ายในญี่ปุ่นช่วงปลายปี 2565 นี้เป็นต้นไป
โตโยต้า พรีอุส โฉมใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม TNGA เจเนอเรชันที่ 2 ที่ออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและรองรับล้อขนาดใหญ่ได้ ทั้งยังมีการเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างตัวถังและประสิทธิภาพการเก็บเสียงให้ดียิ่งขึ้น โดยโตโยต้าระบุว่า พรีอุส ใหม่ ใช้แนวทางการออกแบบที่เรียกว่า “Hybrid Reborn” เน้นรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตทั้งคัน พร้อมล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 19 นิ้ว ขณะที่เส้นสายตัวถังถูกออกแบบเน้นความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ช่วยให้ตัวรถยังคงดูสวยงามลงตัวแม้กาลเวลาจะผ่านไปก็ตาม
รูปลักษณ์ด้านหน้าถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับฉลามหัวค้อน ซึ่งโตโยต้าระบุว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวทั้งประสิทธิภาพการใช้งานและความสวยงาม ติดตั้งไฟหน้าที่ถูกออกแบบให้เป็นรูปตัวซี และไฟท้ายดีไซน์ตรงยาวเชื่อมเข้าหากันทั้งสองข้าง ขณะที่ตัวถังยังคงไว้ซึ่งดีไซน์แบบฟาสต์แบ็ก 5 ประตู เพื่อเพิ่มความลู่ลมเป็นพิเศษ
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบโดยใช้แนวคิด “Island architecture” ให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถโฟกัสไปกับการขับรถได้อย่างเต็มที่ เน้นตกแต่งด้วยโทนสีดำเพื่อเพิ่มความสปอร์ต และยังเป็นครั้งแรกของโตโยต้าที่มีการนำเอาไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient light) มาใช้เป็นสัญญาณแจ้งเตือน โดยหากระบบ Toyota Safety Sense ตรวจพบว่าตัวรถมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชน ไฟบนแผงคอนโซลจะกะพริบเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่ก่อนที่สัญญาณเสียงจะดังขึ้น เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัยและไม่รบกวนผู้โดยสารมากเกินความจำเป็น
นอกจากนี้ PRIUS PHEV ยังมาพร้อมระบบ My Room Mode ที่ใช้แหล่งจ่ายไฟภายนอกเพื่อป้อนให้กับระบบความบันเทิงและระบบปรับอากาศ ผู้ใช้งานจึงสามารถเพลิดเพลินอยู่ภายในรถได้โดยไม่ต้องสตาร์ทรถ โดยที่รุ่น PHEV จะถูกติดตั้งแบตเตอรี่เอาไว้ใต้เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งจะช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลงและยังเป็นการเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระอีกด้วย
โตโยต้า พรีอุส ใหม่ มีให้เลือกทั้งขุมพลังไฮบริดแบบ Series Parallel Hybrid ขนาดความจุ 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร โดยในรุ่น 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดรวมทั้งระบบสูงถึง 193 แรงม้า (PS) เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าถึง 1.6 เท่า ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อผู้ขับขี่ แต่ยังคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมันเช่นเดิม ทั้งยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่บนพื้นผิวที่มีความเปียกลื่น เช่น ถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพขณะเข้าโค้งอีกด้วย
ส่วนอีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดขนาด 2.0 ลิตร ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน Dynamic Force และแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 223 แรงม้า (PS) แต่ยังคงไว้ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองในระดับเดียวกับรุ่นก่อนหน้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.7 วินาที และเพิ่มระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าขึ้นอีก 50% เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่โดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมัน
ด้านความปลอดภัยมีการปรับปรุงระบบ Toyota Safety Sense ให้สามารถตรวจจับวัตถุได้ไกลมากขึ้น พร้อมด้วยระบบ Toyota Teammate ที่มีฟังก์ชัน Advanced Park สามารถสั่งจอดรถและนำรถออกจากช่องจอดผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้ ทั้งยังมีระบบกระจกหลังแบบ Digital Inner Mirror ที่ใช้กล้องด้านหลังในการแสดงภาพแทนการใช้กระจกสะท้อนปกติ ทั้งยังมีระบบบันทึกภาพขณะขับขี่ที่สามารถเก็บข้อมูลเอาไว้ยังกล่องอีซียูโดยตรง แต่ยังคงรองรับ SD Card เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกดูไฟล์ได้ทันที
ไม่เพียงเท่านี้ โตโยต้า พรีอุส ใหม่ ยังมีระบบจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกด้วยกำลังไฟสูงสุด 1,500 วัตต์ จำนวน 2 ตำแหน่ง (บริเวณด้านหลังคอนโซลกลางและห้องเก็บสัมภาระท้าย) โดยผู้ใช้สามารถเลือกโหมด BEV ที่ใช้พลังงานไฟจากแบตเตอรี่โดยไม่อาศัยเครื่องยนต์เลยแม้แต่น้อย หรือจะเป็นโหมด HEV ที่เครื่องยนต์จะติดขึ้นหากพบว่าแบตเตอรี่มีปริมาณต่ำ อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้ตัวรถสามารถจ่ายไฟได้แม้ว่าจะปิดกระจกเพื่อป้องกันฝนหรือแมลงเข้าไปในรถขณะใช้งาน
ส่วนรุ่น PHEV มาพร้อมหลังคาโซลาร์เจเนอเรชันที่ 2 ที่สามารถชาร์จไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ โดยโตโยต้าระบุว่าแผงโซลาร์ดังกล่าวสามารถผลิตกระแสไฟเพื่อเปลี่ยนเป็นระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 1,250 กิโลเมตรต่อปี และยังสามารถนำไฟฟ้าที่ได้ไปใช้กับระบบปรับอากาศและอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ภายในรถได้อีกด้วย