ชิปขาดแคลนเป็นเหตุ มาสด้ารถขาดส่งมอบคำสั่งซื้อค้างกว่า 3,000 คัน ยอมรับประเมินสถานการณ์พลาด ปรับเป้าขายจาก 40,000 คัน เหลือ 35,000 คัน ส่วนคำสั่งจองซื้อใหม่มารอแล้ว 2,800 คัน พร้อมปรับการทำงานหลังบ้านให้กระชับและคล่องตัวเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น คาดตลาดรวม 870,000 คัน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มของตลาดรถยนต์ไทยปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น คาดว่าจะอยู่ที่ยอดขายระดับ 870,000 คัน เติบโตขึ้นประมาณ 15% เมื่อเทียบปีก่อนหน้า โดยมาสด้า คาดว่าจะยอดขายได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือ 35,000 คัน โดยเป็นการปรับลดประมาณการณ์ยอดขายลงจากต้นปีที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 40,000 คัน
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มาสด้าต้องปรับลดเป้าหมายการลดลง เนื่องจากสถานการณ์ของชิ้นส่วนเซมิคอนดัคเตอร์ขาดแคลน อันเป็นผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นที่ต้องใช้ชิปเป็นชิ้นส่วนในการผลิตได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน
“เราเคยประเมินว่า ปัญหาชิปขาดเคลนจะคลี่คลายในช่วงปลายปีนี้ แต่ความจริงสถานการณ์กลับรุนแรงขึ้นเพราะแหล่งผลิตชิปจากประเทศจีนไม่สามารถส่งมอบให้ได้ ปัจจุบันมาสด้ามีคำสั่งซื้อรอการส่งมอบราว 3,000 คัน คาดว่าจะส่งรถได้อย่างช้าที่สุดคือราวเดือนมีนาคมปีหน้า ส่วนคำสั่งจองซื้อใหม่มีสะสมกว่า 2,800 คันแล้ว โดยการได้รับรถช้าหรือเร็วขึ้นกับรุ่นที่เลือกและสีต้องการ” นายธีร์ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้มีการปรับระบบการทำงานใหม่ทั้งหมด โดยการจัดการสต็อกรถจะมาเป็นหน้าที่ของส่วนกลาง ขณะที่ดีลเลอร์ไม่จำเป็นต้องซื้อรถเข้ามาเก็บเป็นสต็อกอีกต่อไป ช่วยทำให้มาสด้าทราบความต้องการของลูกค้าได้โดยตรงจากคำสั่งจองซื้อและสามารถผลิตรถรวมถึงส่งมอบได้ไวก่อนเดิม
นายธีร์ กล่าวว่า ยอดขาย 10 เดือนของมาสด้ามีจำนวนทั้งสิ้น 28,900 คัน เติบโตขึ้น 3% เมีอเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย มาสด้า 2 ยังคงเป็นรถที่ขายดีที่สุดสัดส่วน 40% ตามด้วย ซีเอ็กซ์-30 แชร์ 15% ซีเอ็กซ์-3และซีเอ็กซ์-8 รุ่นละประมาณ 10%
ทั้งนี้ มาสด้าได้มีการแนะนำรุ่นพิเศษ Carbon Edition ซึ่งสามารถรับรถได้ทันทีใน 4 รุ่น หลักได้แก่ มาสด้า2, มาสด้า3, ซีเอ็กซ์-3 และซีเอ็กซ์-30 มีราคาจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติ 10,000-12,000 บาท พร้อมแคมเปญพิเศษฟรี ประกันภัยชั้น 1 และโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มของตลาดรถยนต์ไทยปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น คาดว่าจะอยู่ที่ยอดขายระดับ 870,000 คัน เติบโตขึ้นประมาณ 15% เมื่อเทียบปีก่อนหน้า โดยมาสด้า คาดว่าจะยอดขายได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือ 35,000 คัน โดยเป็นการปรับลดประมาณการณ์ยอดขายลงจากต้นปีที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 40,000 คัน
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มาสด้าต้องปรับลดเป้าหมายการลดลง เนื่องจากสถานการณ์ของชิ้นส่วนเซมิคอนดัคเตอร์ขาดแคลน อันเป็นผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นที่ต้องใช้ชิปเป็นชิ้นส่วนในการผลิตได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน
“เราเคยประเมินว่า ปัญหาชิปขาดเคลนจะคลี่คลายในช่วงปลายปีนี้ แต่ความจริงสถานการณ์กลับรุนแรงขึ้นเพราะแหล่งผลิตชิปจากประเทศจีนไม่สามารถส่งมอบให้ได้ ปัจจุบันมาสด้ามีคำสั่งซื้อรอการส่งมอบราว 3,000 คัน คาดว่าจะส่งรถได้อย่างช้าที่สุดคือราวเดือนมีนาคมปีหน้า ส่วนคำสั่งจองซื้อใหม่มีสะสมกว่า 2,800 คันแล้ว โดยการได้รับรถช้าหรือเร็วขึ้นกับรุ่นที่เลือกและสีต้องการ” นายธีร์ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้มีการปรับระบบการทำงานใหม่ทั้งหมด โดยการจัดการสต็อกรถจะมาเป็นหน้าที่ของส่วนกลาง ขณะที่ดีลเลอร์ไม่จำเป็นต้องซื้อรถเข้ามาเก็บเป็นสต็อกอีกต่อไป ช่วยทำให้มาสด้าทราบความต้องการของลูกค้าได้โดยตรงจากคำสั่งจองซื้อและสามารถผลิตรถรวมถึงส่งมอบได้ไวก่อนเดิม
นายธีร์ กล่าวว่า ยอดขาย 10 เดือนของมาสด้ามีจำนวนทั้งสิ้น 28,900 คัน เติบโตขึ้น 3% เมีอเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย มาสด้า 2 ยังคงเป็นรถที่ขายดีที่สุดสัดส่วน 40% ตามด้วย ซีเอ็กซ์-30 แชร์ 15% ซีเอ็กซ์-3และซีเอ็กซ์-8 รุ่นละประมาณ 10%
ทั้งนี้ มาสด้าได้มีการแนะนำรุ่นพิเศษ Carbon Edition ซึ่งสามารถรับรถได้ทันทีใน 4 รุ่น หลักได้แก่ มาสด้า2, มาสด้า3, ซีเอ็กซ์-3 และซีเอ็กซ์-30 มีราคาจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติ 10,000-12,000 บาท พร้อมแคมเปญพิเศษฟรี ประกันภัยชั้น 1 และโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี