ไทยฮอนด้า เปิดตัวรถจักรยานยนต์เรือธงโฉมใหม่ “Honda Forza 350” ภายใต้คำพ่วงท้ายง่ายๆว่า MY2023 ซึ่งมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลากหลายรายการ ไล่เลียงให้กระชับ เริ่มต้นที่ ชุดหน้าปรับดีไซน์ใหม่หมดเพิ่มเส้นสันดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น พร้อมด้วยไฟหน้าและไฟเลี้ยวใหม่ แบบ Built-in LED ดวงไฟมีความสว่างมากขึ้นกว่าเดิม ไฟท้ายปรับดีไซน์ใหม่ ดูโดดเด่น ทันสมัย และมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
ขณะที่หน้าปัดมีการเพิ่มขนาดจอแสดงผลให้ใหญ่ดูชัดและง่ายขึ้น ชิลด์กันลมด้านหน้าขยับปรับระดับความสูงได้ 15 ซม. รวมถึงมีการเพิ่มสีภายนอกใหม่ “สีเทา” สไตล์รถซูเปอร์คาร์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกและล้อแม็กสีใหม่พร้อมตัวอักษรสีเดียวกับล้อ ราคาค่าตัวรุ่นมาตรฐาน 179,000 บาท และรุ่น Road Synch (มีอุปกรณ์เชื่อมต่อบลูทูธ 181,000 บาท
นอกนั้น สเป็กพื้นฐานต่างๆ ยังคงเหมือนโฉมก่อนหน้า เครื่องยนต์เป็นแบบสูบเดียว ESP+ ขนาด 330 ซีซี 4 วาล์ว SOHC ส่งกำลังด้วยสายพาน V-Matic สตาร์ทมือ ระบบกันสะเทือนหน้า-เทเลสโคปิค หลัง-โช้คอัพคู่ ดิสก์เบรกหน้า-หลังพร้อมระบบ ABS 2 Channel ล้อแม็กพร้อมยางหน้าขนาด 120/70-15 M/C 56P และหลัง 140/70-14 M/C 62P น้ำหนักสุทธิ 187 กิโลกรัม
สำหรับการขับขี่ เรียกว่า ไม่แตกต่างจากรุ่นเดิม มีความโดดเด่นในเรื่องของช่วงล่างที่นุ่มนวล นั่งขี่สบาย ขับขี่ในเมืองคล่องตัวแม้ตัวรถจะมีขนาดที่ใหญ่ ด้วยพวงมาลัยและการจัดวางตำแหน่งของผู้ขับขี่ให้อยู่ในจุดที่ควบคุมบังคับแฮนด์ได้ง่าย และด้วยความสูงจากพื้นเพียง 14 ซม. และความสูงของเบาะ 78 ซม. ทำให้คุณผู้หญิงสามารถยันขาได้ง่ายไม่ต้องพะวง
อัตราเร่งของเครื่องยนต์ตัวนี้ จังหวะออกตัวไม่จี๊ดจ๊าดหรือพุ่งพล่าน จัดอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับขนาดของตัวถัง ไม่ใช่ความแรงสไตล์สปอร์ต ลงตัวกับการเป็นรถของครอบครัว เพียงพอต่อการขับทางยาวๆ ด้วยความเร็วสูงได้ การทรงตัวนุ่มนวล ยิ่งเมื่อขี่ลอยลำแล้วจะให้ความรู้สึกสบายมาก
เสียงของท่อและเครื่องยนต์ มาในโทนนุ่มหวานหู ให้ความรู้สึกแบบพรีเมี่ยม หากอยากได้ความดุดันแนะนำให้เลือกรุ่นพิเศษ H2C ที่ทำออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอีกหนึ่งกลุ่มที่ชอบความสปอร์ต แต่ยังอยากได้ความสบายจากการขับขี่ของ Forza 350
อัตราสิ้นเปลืองจากการลองขับในระยะทางราว 50 กม. ทั้งในเมืองและนอกเมือง ระบุตัวเลขตามการแสดงผลบนหน้าจอ 27.2 กม./ลิตร ส่วนตัวเลขบนฉลากระบุ 29.4 กม./ลิตร ถือว่า ประหยัดดีไม่น้อย
หันมามองที่ค่าตัวซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 3,500 บาท กับการได้แฟริ่งหน้าพร้อมไฟใหม่ และหน้าปัดใหญ่ ดูแล้วสมราคา โดยหากลูกค้าโฉมเดิมอยากปรับเปลี่ยนจำเป็นต้องมีการดัดแปลงพอสมควรเพราะมีการย้ายจุดยึดให้แตกต่างจากตัวก่อนหน้า ส่วนใครที่จองเอาไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับรถคุณจะได้รับรุ่นใหม่ทันที เนื่องจากโฉมเดิมยุติการผลิตไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นสบายใจได้ แต่หากกำลังจะจอง คำบอกเล่าจากทีมผู้บริหารคือ “รอนานเป็นเดือน” โดยไม่สามารถระบุแน่ชัดได้
อย่างไรก็ตามคำกล่าวทิ้งท้ายคือ “เรากำลังเร่งผลิตให้ทันความต้องการ และปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนได้คลี่คลายเรียบร้อยแล้ว” ได้ฟังอย่างนี้ สาวกปีกเทพไนกี้คงใจชื้นขึ้นมาทันที
ขณะที่หน้าปัดมีการเพิ่มขนาดจอแสดงผลให้ใหญ่ดูชัดและง่ายขึ้น ชิลด์กันลมด้านหน้าขยับปรับระดับความสูงได้ 15 ซม. รวมถึงมีการเพิ่มสีภายนอกใหม่ “สีเทา” สไตล์รถซูเปอร์คาร์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกและล้อแม็กสีใหม่พร้อมตัวอักษรสีเดียวกับล้อ ราคาค่าตัวรุ่นมาตรฐาน 179,000 บาท และรุ่น Road Synch (มีอุปกรณ์เชื่อมต่อบลูทูธ 181,000 บาท
นอกนั้น สเป็กพื้นฐานต่างๆ ยังคงเหมือนโฉมก่อนหน้า เครื่องยนต์เป็นแบบสูบเดียว ESP+ ขนาด 330 ซีซี 4 วาล์ว SOHC ส่งกำลังด้วยสายพาน V-Matic สตาร์ทมือ ระบบกันสะเทือนหน้า-เทเลสโคปิค หลัง-โช้คอัพคู่ ดิสก์เบรกหน้า-หลังพร้อมระบบ ABS 2 Channel ล้อแม็กพร้อมยางหน้าขนาด 120/70-15 M/C 56P และหลัง 140/70-14 M/C 62P น้ำหนักสุทธิ 187 กิโลกรัม
สำหรับการขับขี่ เรียกว่า ไม่แตกต่างจากรุ่นเดิม มีความโดดเด่นในเรื่องของช่วงล่างที่นุ่มนวล นั่งขี่สบาย ขับขี่ในเมืองคล่องตัวแม้ตัวรถจะมีขนาดที่ใหญ่ ด้วยพวงมาลัยและการจัดวางตำแหน่งของผู้ขับขี่ให้อยู่ในจุดที่ควบคุมบังคับแฮนด์ได้ง่าย และด้วยความสูงจากพื้นเพียง 14 ซม. และความสูงของเบาะ 78 ซม. ทำให้คุณผู้หญิงสามารถยันขาได้ง่ายไม่ต้องพะวง
อัตราเร่งของเครื่องยนต์ตัวนี้ จังหวะออกตัวไม่จี๊ดจ๊าดหรือพุ่งพล่าน จัดอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับขนาดของตัวถัง ไม่ใช่ความแรงสไตล์สปอร์ต ลงตัวกับการเป็นรถของครอบครัว เพียงพอต่อการขับทางยาวๆ ด้วยความเร็วสูงได้ การทรงตัวนุ่มนวล ยิ่งเมื่อขี่ลอยลำแล้วจะให้ความรู้สึกสบายมาก
เสียงของท่อและเครื่องยนต์ มาในโทนนุ่มหวานหู ให้ความรู้สึกแบบพรีเมี่ยม หากอยากได้ความดุดันแนะนำให้เลือกรุ่นพิเศษ H2C ที่ทำออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอีกหนึ่งกลุ่มที่ชอบความสปอร์ต แต่ยังอยากได้ความสบายจากการขับขี่ของ Forza 350
อัตราสิ้นเปลืองจากการลองขับในระยะทางราว 50 กม. ทั้งในเมืองและนอกเมือง ระบุตัวเลขตามการแสดงผลบนหน้าจอ 27.2 กม./ลิตร ส่วนตัวเลขบนฉลากระบุ 29.4 กม./ลิตร ถือว่า ประหยัดดีไม่น้อย
หันมามองที่ค่าตัวซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 3,500 บาท กับการได้แฟริ่งหน้าพร้อมไฟใหม่ และหน้าปัดใหญ่ ดูแล้วสมราคา โดยหากลูกค้าโฉมเดิมอยากปรับเปลี่ยนจำเป็นต้องมีการดัดแปลงพอสมควรเพราะมีการย้ายจุดยึดให้แตกต่างจากตัวก่อนหน้า ส่วนใครที่จองเอาไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับรถคุณจะได้รับรุ่นใหม่ทันที เนื่องจากโฉมเดิมยุติการผลิตไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นสบายใจได้ แต่หากกำลังจะจอง คำบอกเล่าจากทีมผู้บริหารคือ “รอนานเป็นเดือน” โดยไม่สามารถระบุแน่ชัดได้
อย่างไรก็ตามคำกล่าวทิ้งท้ายคือ “เรากำลังเร่งผลิตให้ทันความต้องการ และปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนได้คลี่คลายเรียบร้อยแล้ว” ได้ฟังอย่างนี้ สาวกปีกเทพไนกี้คงใจชื้นขึ้นมาทันที