xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตัว BMW XM เอสยูวีสมรรถนะสูงขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด V8 653 แรงม้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดตัว BMW XM ใหม่ เอสยูวีสมรรถนะสูงจาก BMW M พกขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน V8 และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดถึง 653 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 4.3 วินาทีเท่านั้น


BMW XM ถูกเปิดตัวพร้อมกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของ BMW M GmbH โดยวางให้เป็นรถ SAV - Sport Activity Vehicle สมรรถนะสูงคันแรกที่พัฒนาโดยแผนก BMW M ทั้งคัน เพื่อเน้นทำตลาดในสหรัฐอเมริกา, จีน และตะวันออกกลางโดยเฉพาะ ซึ่งจะเริ่มเดินสายการผลิตในสหรัฐอเมริกาที่โรงงาน BMW Group Plant Spartanburg ในเดือนธันวาคม 2565 นี้ ก่อนจะเริ่มลงโชว์รูมในตลาดภูมิภาคต่างๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2566 เป็นต้นไป

BMW XM ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง M HYBRID ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน V8 M TwinPower Turbo ความจุ 4.4 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 489 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้า eDrive กำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive

เมื่อทั้งสองระบบทำงานร่วมกันจะให้กำลังสูงสุด 653 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาราว 4.3 วินาที จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 250 กม./ชม. และสามารถปลดล็อกเป็น 270 กม./ชม. เมื่อติดตั้งออปชัน M Driver’s Package อีกทั้งยังทำความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้าได้ถึง 140 กม./ชม. พร้อมด้วยแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนขนาด 29.5 kWh ให้ระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าไกล 82 - 88 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) และสามารถชาร์จไฟจาก 0-100% ในเวลาราว 4.25 ชั่วโมง


ดีไซน์ภายนอกของ BMW XM โดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดยักษ์ตกแต่งด้วยกรอบสีทองที่สามารถส่องสว่างยามค่ำคืน ติดตั้งไฟหน้าแบบสองชั้นคล้ายกับที่พบใน BMW X7 แต่ออกแบบให้มีความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ส่วนด้านข้างตกแต่งด้วยกรอบหน้าต่างประตูสีทองและยังสะท้อนถึงแถบด้านข้างตัวถังของ BMW M1 ในอดีต ขณะที่ด้านท้ายถูกออกแบบให้ปราศจากโลโก้ BMW แบบดั้งเดิม หากแต่ย้ายไปฝังไว้บนเนื้อกระจกของประตูท้าย (บริเวณมุมด้านบน) หลงเหลือไว้เฉพาะสัญลักษณ์ XM บนฝากระโปรงหลัง ทั้งยังติดตั้งปลายท่อไอเสียแบบ 4 ท่อ และล้ออัลลอย M ขนาด 21 นิ้วเป็นมาตรฐาน หรือเปลี่ยนเป็นล้อขนาดใหญ่สุดถึง 23 นิ้วได้

ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ต ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น เบาะนั่งแบบ M Multifunction Seats, พวงมาลัยหุ้มหนัง M, กราฟิกแบบ M พร้อม Shift lights บนหน้าจอ BMW Curved Display และ BMW Head-Up Display ขณะที่ห้องโดยสารตอนหลังแบบ M Lounge ถูกออกแบบเพื่อความสบายสูงสุดในการโดยสาร ด้วยการติดตั้งระบบอุ่นเบาะที่ครอบคลุมไปถึงส่วนข้างของพนักพิงหลัง เพานหลังคาที่ตกแต่งด้วยลวดลายปริซึม 3 มิติ และไฟส่องสว่างที่ประกอบด้วยหลอด LED จำนวนถึง 100 ดวง


ช่วงล่างของ BMW XM สามารถเลือกโหมดเพื่อการขับขี่แบบฮาร์ดคอร์ตามฉบับรถตระกูล BMW M หรือจะเลือกเน้นความสบายในการโดยสารผ่านเมนู M Setup ช่วยให้รถคันนี้สามารถตอบสนองทั้งการขับขี่ในเมืองไปจนถึงมอเตอร์เวย์ ติดตั้งช่วงล่างด้านหน้าแบบดับเบิลวิชโบน และด้านหลังแบบ Five-link เสริมด้วยโช้กอัปและระบบกันโคลงไฟฟ้าที่อาศัยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลต์ และระบบ Active Roll Control อีกทั้งยังเป็นรถ BMW M รุ่นแรกที่มีการติดตั้งระบบเลี้ยวล้อหลัง Integral Active Steering เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย

BMW XM ยังเป็นรถรุ่นแรกที่มีการติดตั้งปุ่ม M Hybrid ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสลับไปมาระหว่างโหมด HYBRID, ELECTRIC และ eCONTROL ได้ รวมถึงปุ่ม M ที่สามารถเลือกได้ทั้งโหมด Road และ Sport โดยที่โหมด Sport จะจำกัดทำงานของระบบช่วยเหลือการขับขี่เพื่อรีดสมรรถนะสูงสุดออกมา และยังสามารถบันทึกการตั้งค่าโหมดต่างๆ ได้เอง ได้แก่ การทำงานของระบบ M HYBRID, การทำงานของระบบ Dynamic Stability Control (DSC), การตอบสนองของเกียร์ และเสียงคำรามของเครื่องยนต์


ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ของ BMW XM ประกอบด้วย หน้าจอ BMW Curved Display ที่ประกอบด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว และจอสัมผัสขนาด 14.9 นิ้ว ระบบ BMW Gesture Control ระบบนำทาง BMW Maps ผ่านระบบคลาวด์ ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงสามารถเลือกติดตั้งระบบ BMW Digital Key Plus ที่เพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ไอโฟนด้วยเทคโนโลยี UWB (Ultra-wideband) เป็นออปชันเสริมได้












































กำลังโหลดความคิดเห็น