xs
xsm
sm
md
lg

ขุมทรัพย์ใหม่ Lithium ใน Mexico เหตุโลกต้องการ แบตเตอรี่ ขับเคลื่อนโลกยุค EV

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ดูเหมือนว่าเรื่องของ Lithium จะเป็นอะไรที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในแง่ของการเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่ามหาศาลชนิด ที่ทำให้ประเทศยากจนในโลกที่ 3 สามารถกลายเป็นเศรษฐีในช่วงพริบตา โดยล่าสุด Mexico คืออีกหนึ่งประเทศที่ได้รับการยอมรับว่า มีความสำคัญต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เพราะว่าที่นี่ถือว่ามี Lithium สำรองใต้พื้นผิวโลกมากที่สุดในโลก และว่ากันว่าได้รับการประเมินมูลค่าแล้ว มีสูงกว่าหนี้ต่างประเทศที่ Mexico มีถึง 4 เท่าตัวเลยทีเดียว

แต่ปัญหาคือ การดำเนินกิจการและกำกับดูแลการขุดเจาะและการทำเหมืองของ Mexico จะมาในรูปแบบที่ควบคุมโดยภาครัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมาหลายประเทศนี้ โดยเฉพาะอย่าง Bolivia ที่ถือเป็นแหล่ง Lithium ขนาดใหญ่ ยังไม่ประสบความสำเร็จในการจัดการ และใช้ระบบควบคุมและกำกับดูแลโดยภาครัฐ เลย ตรงนี้จึงถือว่าเป็นความท้าทายของ Mexico อย่างมากในการบริหารและจัดสรรทรัพยากรนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด


เมื่อใครๆ ก็ต้องการ Lithium

การขยายตัวตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ EV ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการกำหนดนโยบายในด้านการควบคุมสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ เช่นเดียวกับการผลักดันให้รถยนต์ประเภทนี้เป็นยานพาหนะหลักของการเดินทางนั้นทำให้ความต้องการที่มีต่อทรัพยากรที่จำเป็นในการผลิตแบตเตอรี่ที่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของรถยนต์พลังไฟฟ้านั้นมีเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะจากเดิมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ของเรายังไม่ได้มีการเปลี่ยนผ่านมาสู่การขับเคลื่อนด้วยรถยนต์แบบเสียบปลั๊กอย่างจริงจัง ทำให้ยอดขายและความต้องการต่อวัตถุดิบ ที่มีผลทางตรงในการผลิตส่วนประกอบสำหรับรถยนต์พลังไฟฟ้ายังมีไม่มาก

แต่นับจากปี 2020 เป็นต้นมา การปรับตัวตามนโยบายของภาครัฐของบรรดาบริษัทรถยนต์ เช่นเดียวกับการวางแผนให้รถยนต์พลังไฟฟ้า เป็นการขับเคลื่อนหลักของโลก และยกเลิกการพัฒนาเช่นเดียวกับการกำหนดเวลาที่แน่นอนในการยุติการผลิตรถยนต์ใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน สิ่งเหล่านี้คือตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้เกิดการทบทวนและการมองทั้งระบบที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์พลังไฟฟ้าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เพื่อมองหาช่องทางในการสนับสนุนเพื่อให้รถยนต์ประเภทนี้สามารถถูกนำมาใช้ได้ในเชิงพาณิชย์ และแบตเตอรี่ถือเป็นจุดหลักที่หลายคนกังวล เพราะถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อรถยนต์พลังไฟฟ้า และที่ผ่านมายังไม่มีการะประเมินถึงทรัพยากรตัวนี้อย่างจริงหากโลกของเราต้องการแบตเตอรี่ จำนวนมหาศาลเพื่อขับเคลื่อนโลกในยุค EV โดยเฉพาะเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นโดยมีการเข้ามากำกับดูแลโดยภาครัฐฯ



Mexico กับการดูแลแหล่งทรัพยากร “Lithium”

เช่นเดียวกับหลายประเทศในแถบนี้ Mexico เริ่มค้นพบว่าประเทศตัวเองมีความสำคัญในห่วงโซ่ของรถยนต์พลังไฟฟ้า ในฐานะของประเทศที่มีแหล่ง Lithium สำรองจำนวนมหาศาล และตอนนี้ รัฐบาลของประธานาธิบดี Andres Manuel Lopez Obrador ก็ทุ่มเต็มที่ในการจัดตั้งบริษัทที่เป็นตัวแทนของรัฐในการดำเนินการจัดการเกี่ยวกับขุมทรัพย์แห่งนี้

แหล่ง Lithium ของ Mexico ยังไม่ได้มีการประเมินตัวเลขของจำนวนอย่างเป็นทางการ แต่ทว่ากันว่ามูลค่าที่มีอยู่นั้น มีมากถึง 215.77 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือพูดง่ายๆ คือ มีจำนวนมากว่าหนี้ต่างประเทศที่ Mexico ติดค้างอยู่ถึง 4 เท่าตัว ซึ่งนั่นเท่ากับว่า การค้นพบแหล่ง Lithium แห่งนี้ไม่ต่างกับการถูกรางวัลที่ 1 หลายร้อยใบเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วการที่จะทำให้ Lithium แห่งนี้สามารถเข้ามาพลิกฟื้นประเทศได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการกำกับดูแล และการดำเนินกิจการด้วยความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เพราะปัญหาหนึ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับเรื่องลักษณะนี้ในประเทศโลกที่ 3 คือ การคอร์รัปชั่น

หลังจากที่มีการตรวจพบแหล่งขุมทรัพย์ รัฐบาลของประธานาธิบดี Obrador ประกาศที่จะจัดตั้งบริษัทที่เป็นตัวแทนแห่งรัฐฯ ในการดำเนินกิจการและดูแลแหล่งทรัพยากรแห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะก่อนหน้านี้ Bolivia ก็ประสบความล้มเหลวมาแล้ว

นอกจากนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยที่อาจจะทำให้การดำเนินการทั้งหมดโดยทางภาครัฐฯ ไม่ประสบความสำเร็จคือ ความยากในการดึงทรัพยากรออกจากธรรมชาติ เพราะตามปกติแล้ว Lithium ที่พบในธรรมชาติส่วนใหญ่จะอยู่ในชั้นหิน หรือบ่อเกลือ แต่ที่พบใน Mexico จะอยู่ในโคลน ซึ่งปรากฏว่ายังไม่เคยมีใครสามารถดำเนินงานในการดึงเอา Lithium จำนวนมากจากพื้นที่ในลักษณะนี้มาก่อน และจำเป็นจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญระดับสูง รวมถึงแหล่งเงินทุนมหาศาลในการจัดการ ซึ่งรัฐบาล Mexico อาจจะไม่สามารถสนับสนุนได้โดยที่ไม่อาศัยความช่วยเหลือจากภายนอก


แหล่ง Lithium ใน Mexico แม้ว่าจะถูกประเมินว่ามีความน่าสนใจกว่าแหล่งใน Chile และ Argentina ในแง่ของปริมาณ ชนิดที่สามารถผลักดันให้ Mexico กลายเป็นประเทศมหาอำนาจ 10 อันดับแรกของ Lithium ได้เลย แต่ทว่าในเรื่องของการทำงานเพื่อดึงเอาทรัพยากรนี้ออกมานั้น ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน และปัญหาที่เกิดขึ้นตามคือต้นทุนต่อหน่วยอาจจะแพงกว่าผลผลิตจากแหล่งอื่น ซึ่งทำให้ความต้องการ Lithium จาก Mexico อาจจะไม่เป็นที่ต้องการมากสักเท่าไร


ผู้นำยังเป็นเพื่อนบ้านจากทางภาคใต้

จริงอยู่ที่มีการประเมินว่าการผลิต Lithium ใน Mexico จะอยู่ที่ราวๆ 35,000 ตันต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก แต่เมื่อมองดูจากภาพรวมของตลาดที่เกิดขึ้นแล้ว Bolivia, Chile และ Argentina ยังถือเป็นผู้เล่นที่สำคัญในตลาด Lithium ของโลกอยู่เหมือนเดิม

ที่น่าสนใจคือ ในช่วงที่ผ่านมา ทั้ง 3 ประเทศนี้รู้ถึงความสำคัญของแร่ธาตุชนิดนี้ และได้ร่วมมือกันในการรวมตัวเพื่อสร้างอำนาจในการต่อรอง ด้วยการผนึกความร่วมมือไตรภาคีเพื่อสร้างสถานะที่ดีขึ้นในการเป็นห่วงโซ่อุปทานของแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า และสิ่งที่ทั้งสามฝ่ายกำลังทำอยู่ในขณะนี้ คือการร่วมมือกันในการพัฒนาเทคโนโลยีและเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อความก้าวหน้าในการสร้างมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ อาร์เจนตินายังต้องการที่จะร่วมงานกับ Chile และ Bolivia ในรูปแบบไตรภาคี ซึ่งมีคณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นในจังหวัดต่าง ๆ ที่ทำเหมืองแร่ Lithium

ปัจจุบันมีการค้นพบทรัพยากรแร่ลิเทียมราว 16 ล้านตันทั่วโลก โดย Australia, Chile และ Argentina เป็นประเทศที่สกัดแร่ลิเทียมมาใช้มากที่สุดในโลก 3 อันดับแรก โดยจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศ Bolivia, Chile และ Argentina เป็นบริเวณ “สามเหลี่ยมลิเทียม” (Lithium Triangle) ซึ่งมีบ่อเกลือขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งสกัด Lithium ที่มีคุณภาพสูง ได้แก่ Salar de Uyuni (โบลิเวีย) Salar de Atacama (ชิลี) และ Salar de Arizaro (อาร์เจนตินา) มีปริมาณเป็น 75 % ของทรัพยากรลิเทียมที่มีการค้นพบแล้วของโลก โดยในภูมิภาคอเมริกาใต้สามารถพบแร่ Lithium ได้ตลอดแนวเทือกเขา Andes

อย่างไรก็ตาม แม้ทรัพยากรแร่ลิเทียมจำนวนมากจะอยู่ในภูมิภาคอเมริกาใต้ แต่ภูมิภาคนี้ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากการขาดแคลนเงินทุนและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเหมืองแร่ลิเทียม โดยมีหลายโครงการที่เริ่มต้นแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

นอกจากนั้น อีกจุดที่น่ากังวลใจสำหรับประเทศเหล่านี้ คือ ความห่วงกังวลเรื่องความปลอดภัยของแบตเตอรี่ที่ผลิตจาก Lithium จึงทำให้ปัจจุบันมีความพยายามคิดค้นแบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องอาศัยแร่ Lithium และคาดการณ์ว่าในอนาคตจะมีการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ทดแทนแบตเตอรี่อีกด้วย

ดังนั้น ตัวเร่งที่จะทำให้ Lithium มีหรือหมดความสำคัญต่อการขับเคลื่อนโลกของรถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ EV นั้นคือ การถูก Disrupt โดยเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใหม่ๆ ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมา แต่เท่าที่ดู สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งยังจะต้องรอการวิจัยและพัฒนาอีกหลายปีก่อนที่จะนำมาสู่การใช้งานจริง



กำลังโหลดความคิดเห็น