xs
xsm
sm
md
lg

ยอดขายรถทั่วโลกเริ่มฟื้นส.ค.ภาพรวมบวก 18 % แต่ 8 เดือนแรกยอดขายรถยนต์นั่งลดลง 3.8%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สถานการณ์ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกเริ่มกลับมาอยู่ในสภาพที่กราฟสวิงขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ประสบปัญหายอดขายไม่กระเตื้องอย่างที่ควรจะเป็นตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตัวเลขยอดขายรวมทั่วโลกของทุกแบรนด์โดยเฉพาะรถยนต์นั่งโดยสารมีการขยับตัวขึ้น หลังจากที่ภาพรวมของตลาดรถยนต์ใหญ่ๆ ของโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรปตะวันตก และจีนต่างก็มียอดขายในเดือนนี้เพิ่มขึ้น

สำหรับยอดขายรถยนต์นั่ง หรือ Light Vehicle ของโลกมีตัวเลขยอดขายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 6,895,364 คัน เพิ่มขึ้นถึง 18% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 5,842,961 คัน โดยตลาดรถยนต์จีนมีส่วนอย่างมากในการช่วยขับเคลื่อนตัวเลขยอดขาย เพราะตลาดรถยนต์แห่งนี้มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 46% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังน่ากังวลอยู่คือ ภาพรวมของตลาดที่ยังอยู่ในช่วงของการติดลบเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพราะเมื่อดูจากตัวเลขยอดขายสะสมแล้ว ปรากฏว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์นั่งของโลกยัง -3.8%


จีนช่วยขับเคลื่อนหลังยอดขายพุ่ง

เช่นเดียวกับตลาดหลายๆ แห่งทั่วโลก ตลาดรถยนต์จีนได้รับผลกระทบจากยอดขายลดลงอันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ทั้งกำลังซื้อหดหายและการผลิตไม่ทันกับการจำหน่ายเพราะต้อง Lockdown เมืองและโรงงาน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เริ่มเข้าสู่สภาพปกติ และในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตัวเลขยอดขายรถยนต์นั่งในจีนมีเพิ่มขึ้นถึง 46% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายในเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว

เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จีนมียอดขายรวมทั้งสิ้น 2,641,00 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 1,809,174 คัน และมีแนวโน้มว่าเมื่อจบปีนี้ น่าจะเป็นตลาดรถยนต์เพียงแห่งเดียวที่มีตัวเลขยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยตอนนี้เมื่อดูภาพรวมของตัวเลขช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 ยอดขายจะอยู่ที่ 16,978,316 คัน เพิ่มขึ้นจาก 8 เดือนแรกของปี 2021 ที่ 3.7% โดยช่วง 8 เดือนแรกของปีที่แล้วมีตัวเลขอยู่ที่ 15,834,989 คัน

ปัจจัยที่ทำให้ตลาดรถยนต์จีนเพิ่มขึ้น นอกเหนือมาจากเรื่องสถานการณ์ของโควิด -19 ที่เริ่มบรรเทาลงแล้ว ก็อยู่ที่ความต้องการของลูกค้าที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อรถยนต์ในกลุ่ม NEV หรือ New Energy Vehicle ซึ่งก็คือรถยนต์แบบ Hybrid Plug-in และรถยนต์พลังไฟฟ้า ซึ่งทางภาครัฐฯ ก็ยังสนับสนุนในเรื่องของการให้เงินช่วยเหลือสำหรับคนที่ซื้อรถยนต์กลุ่มนี้ เช่นเดียวกับการลดภาษีโภคภัณฑ์ให้กับรถยนต์นั่งโดยสาร

สำหรับกลุ่มรถยนต์ NEV นั้น ช่วงเดือนสิงหาคมมีรายงานว่าตัวเลขยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 104.2 % เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น รวมถึงตัวเลือกของผลิตภัณฑ์ในตลาดจีนที่มีหลากหลายระดับราคา โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ NEV ที่มีราคาไม่แพงมากนักทำให้เข้าถึงได้ง่าย เช่นเดียวกับการประกาศขยายระยะเวลาในการลดภาษีให้กับรถยนต์กลุ่ม NEV ของจีนไปจนถึงเดือนธันวาคม 2023

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคมแล้ว ตัวเลขยอดขายในเดือนสิงหาคมกลับลดลง 1.5% อันเป็นผลมาจากเรื่องของการจำกัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในบางมณฑลจนส่งผลกระทบต่อการผลิต ซึ่งนโยบายนี้เป็นผลมาจากคลื่นความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์นับจากปี 1961 ซึ่งถ้าภาครัฐฯ ไม่ออกนโยบายนี้ อาจจะทำให้เกิดปัญหากระแสไฟฟ้าไม่พอใช้ได้



อเมริกายอดขายเพิ่ม แต่แคนาดาร่วง

ตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นอีกกลุ่มที่มียอดขายในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้จะไม่เยอะมากในแง่สัดส่วนของความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ถือว่ามีส่วนช่วยในแง่ภาพรวมในด้านยอดขายรถยนต์ทั่วโลกได้อย่างมาก

เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตัวเลขยอดขายรถยนต์นั่งในตลาดสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 1,127,177 คันเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีตัวเลข 1,085,100 คันที่ 3.9% และถือเป็นครั้งแรกนับจากเดือนสิงหาคม 2021 ที่ตัวเลขสัดส่วนยอดขายเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเพิ่มขึ้น

ส่วนหนึ่งของยอดขายที่เพิ่มขึ้นเดือนสิงหาคมเป็นผลมาจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งมักจะมีขึ้นช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ทำให้ตลาดมีความคึกคักในแง่ของยอดขาย แต่สิ่งที่ยังน่ากังวลคือ การที่การผลิตยังได้รับผลกระทบจากเรื่องของการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต โดยเฉพาะชิพ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยังสร้างผลกระทบต่อการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองในแง่ภาพรวมของ 8 เดือนแรก ปีนี้จะพบว่า ยอดขายรถยนต์ของสหรัฐอเมริกายังอยู่ในแดนลบอยู่ เพราะมีตัวเลขยอดขายรวมอยู่ที่ 9,039,160 คัน มีสัดส่วนติดลบอยู่ 15.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 10,650,614 คัน

ขณะที่ตลาดแคนาดาในฐานะของตลาดใหญ่แห่งหนึ่งของภูมิภาคอเมริกาเหนือก็ยังเจอปัญหายอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนสิงหาคมลดลง 12.4% จะมีก็แค่ตลาดเม็กซิโกเท่านั้นที่มียอดขายเพิ่มขึ้นในระดับ 16.1% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว แต่ทว่าในแง่ของขนาดตลาด เม็กซิโกก็ยังมียอดขายไม่มากนัก แค่ระดับหลักหมื่นกลางๆ ต่อเดือนเท่านั้น จึงยากที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นให้ตัวเลขยอดขายในส่วนภาพรวมเพิ่มสูงขึ้น


ยุโรปตะวันตกพอได้ ส่วนตะวันออกต้องลุ้น

แม้ว่าการสู้รบของรัสเซียและยูเครนจะมีข่าวคราวออกมาน้อยลง แต่ทว่าในแง่ของการสร้างผลกระทบต่อประเทศรอบด้านในภูมิภาคยุโรปก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และหลายอย่างได้ส่งผลต่อความมั่นใจและความรู้สึกของผู้คน จนนำไปสู่การตัดสินใจที่จะชะลอการซื้อ เช่นเดียวกับการที่มีกำลังซื้อลดลง โดยเฉพาะแถบยุโรปตะวันออก

กลุ่มประเทศยุโรปตะวันตก แม้ว่าตัวเลขยอดขายเดือนสิงหาคมจะเพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเปรียบเทียบเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว โดยมีตัวเลขเพิ่มขึ้นจาก 738,818 คันมาเป็น 752,130 คันปีนี้ แต่ในแง่ภาพรวมของ 8 เดือนแรกในปีนี้สถานการณ์ของยอดขายภูมิภาคยุโรปตะวันตกยังไม่ค่อยดีนัก กับตัวเลข -13.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 7,407,226 คัน

แต่ที่ค่อนข้างหนักคือ ตลาดยุโรปตะวันออกที่ติดลบถึง 31.6% สำหรับยอดขายเดือนสิงหาคมปีนี้ และ -31.3% เมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมของช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งผลกระทบจากการสู้รบของยูเครนและรัสเซียส่งผลอย่างมาก เช่นเดียวกับการที่หลายแบรนด์ยังแบนเรื่องการจำหน่ายและการผลิตรถยนต์ในตลาดรัสเซียซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ภูมิภาคนี้ และมีแนวโน้มว่าสถานการณ์ด้านยอดขายที่ลดลงภูมิภาคนี้จะยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์ความขัดแย้งของ 2 ประเทศจะแสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ดีขึ้น


อเมริกาใต้ความหวังใหม่ในด้านยอดขาย


แน่นอนว่า ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้อาจจะไม่ใช้กลุ่มประเทศที่มียอดขายรถยนต์หวือหวาหรือเข้ามาส่วนช่วยในด้านการกระตุ้นยอดขายเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เพราะเมื่อดูจากตัวเลขยอดขายต่อเดือนแล้ว ก็ไม่ได้สูงมากนักอยู่ในระดับแสนต้นๆ แถมสถานการณ์ในปีนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร โดยในแง่ภาพรวมยอดขาย 8 เดือนแรกของปีนี้ ทางญี่ปุ่น -13.6% และเกาหลีใต้ -8.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ตลาดที่กลับมาช่วยเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดีคือ อเมริกาใต้ และส่วนที่เหลืออื่นๆ ของโลก โดยอเมริกาใต้มีบราซิลและอาร์เจนตินาที่มียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะมีตัวเลขไม่มาก แต่ก็ช่วยขับเคลื่อนตลาดได้เป็นอย่างดี และมีแนวโน้มว่าตลาดแห่งนี้ซึ่งถูกมองว่าเป็น Emerged Market หรือตลาดรถยนต์เกิดใหม่เหมือนอย่างอินเดีย จะสามารถสร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำได้ในอนาคต

ส่วนภาพรวมของตลาดที่เหลือทั่วโลกนั้น มีตัวเลขยอดขายในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 1,385,710 คันเพิ่มขึ้น 24.1% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว ส่วนเรื่องภาพรวมนั้น ตลาดเหล่านี้มียอดขายช่วง 8 เดือนแรกอยู่ที่ 10,742,074 คัน หรือเพิ่มขึ้น 12.6%


เดือนนี้ดีแต่ภาพรวมทั่วโลกยังน่าเป็นห่วง

แม้ว่าเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตัวเลขยอดขายในแง่ภาพรวมของตลาดทั่วโลกจะส่งสัญญาณออกมาในทิศทางที่ดีขึ้นด้วยปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นในแต่ละตลาด แต่ทว่าส่วนของภาพรวมนั้น ยังถือเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไป เพราะว่าตัวเลขยังติดลบอยู่

สำหรับ 8 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์นั่งในตลาดโลกอยู่ที่ 52,358,299 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 3.8% ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 54,420,115 คัน ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดหลักๆ เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรปตะวันตก ที่แม้ว่ายอดขายในเดือนสิงหาคมจะดูดี แต่ยอดรวมในช่วง 8 เดือนแรกยังทำตัวเลขได้ต่ำกว่าที่ประเมินเอาไว้ อันเป็นผลมาจากหลากหลายปัจจัย ทั้งสงคราม และการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต โดยเฉพาะชิพ



สุดท้ายแล้ว ต้องดูกันต่อไปว่า เมื่อจบปี 2022 ภาพรวมของตลาดรถยนต์โลกจะเป็นเช่นไร แต่กับตัวเลขที่ติดลบแค่ 3.8% ยังมีโอกาสสูงที่เมื่อถึงปลายปีสถานการณ์จะพลิกกลับมาในแดนบวกได้ เพียงแต่จะถึงเป้าหมายในระดับ 84.1 ล้านคันตามที่วางเอาไว้ได้หรือไม่เท่านั้นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น