xs
xsm
sm
md
lg

ขับ มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 เที่ยวชายแดนภาคใต้ สวยและไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หากพูดถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และชักชวนให้มาเที่ยวหลายคนอาจหวั่น ๆอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อค่ายรถมาสด้าใจกล้าชวนไปขับรถเที่ยวบวกกับอยากลงไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิตจึงตอบตกลงแบบกลัวๆ กล้า ๆ แต่ไป

ที่สำคัญ มาสด้า ประเทศไทย ได้ทำการปรับปรุงเพิ่มเติมให้กับ มาสด้า ซีเอ็กซ์-8  เพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะครอบครัวขนาดใหญ่ก็ถือว่าไปทำงานและได้เที่ยวด้วยน่าจะคุ้มค่าอยู่


มาเริ่มที่ตัวรถก่อน สิ่งที่มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 ปรับโฉมแตกต่างจากรุ่นเดิมประกอบไปด้วย กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ สี Gun Metallic , ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ,เพิ่ม หลังคา Sunroof เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ,อัพเกรด ฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มระบบ Hands-Free Tailgate เตะเปิด-ปิด โดยไม่ต้องใช้มือ, รองรับ Apple CarPlay / Android Auto เป็นแบบไร้สาย Wireless , ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger , รูปแบบเบาะ 6 ที่นั่ง Captain Seats with Center walkthrough เดินผ่านตรงกลางเบาะนั่งแถวที่ 2 ,อัพเกรด รุ่นเบาะ 6 ที่นั่ง Power Captain Seats with Lounge เป็นแบบปรับด้วยระบบไฟฟ้า ,เปลี่ยนวัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร เป็น Metal Wood และ Warm Silver ,อัพเกรด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน MRCC : Mazda Radar Cruise Control เป็นแบบ Stop & Go , ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง เป็น G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ,เพิ่ม สีตัวถังภายนอก สีเบจ Platinum Quartz และ สีเทานม Polymetal Grey และยกเลิก สีตัวถังภายนอก สีเงิน Sonic Silver


ขณะเดียวกันมีปรับราคาเพิ่มขึ้น รุ่น 2.5 S ปรับเพิ่ม 50,000 บาท รุ่น 2.5 SP ปรับเพิ่ม 20,000 บาท 2.5 SP Exclusive ปรับเพิ่ม 60,000 บาท 2.2 XDL ปรับเพิ่ม 50,000 บาท 2.2 XDL Exclusive ปรับเพิ่ม 130,000 บาท

เส้นทางการทดสอบครั้งนี้โดยบินจากกรุงเทพฯ ไปหาดใหญ่และเริ่มสตาร์ทจากโชว์รูมมาสด้า ชูเกียรติยนต์ หาดใหญ่ มุ่งหน้าไปสู่เบตง -ปัตตานี

สำหรับรถที่ผู้เขียนได้เป็นรุ่นท็อป XDL EXCLUSIVE มากับเครื่องยนต์ SKYACTIV-D 2.2 รูปแบบห้องโดยสารเป็นแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain Seat ปรับไฟฟ้า (Power captain seats ) ราคา 2,199,000 บาท มีผู้โดยสารทั้งหมด 5 คน และทุกคนก็สลับตำแหน่งที่นั่งกันครบ




เส้นทางในวันแรกระหว่างทางผู้สื่อข่าวได้แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวมากมายในจังหวัดปัตตานี เริ่มจาก “ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว”ตามตำนานเล่าว่าลิ้มกอเหนี่ยวเป็นสาวชาวจีนจากเมืองฮกเกี้ยนซึ่งเกิดในช่วงสี่ถึงห้าร้อยปีมาแล้วนางเดินทางลงเรือสำเภามายังเมืองปัตตานี เพื่อตามพี่ชายชื่อลิ้มโต๊ะเคี่ยมให้กลับไปหามารดาตามตำนานเล่าว่าลิ้มกอเหนี่ยวเป็นสาวชาวจีนจากเมืองฮกเกี้ยน ที่ชราภาพที่บ้านเกิด แต่ได้พบความจริงว่าพี่ชายของตนได้แต่งงานกับธิดาพระยาตานีแล้วเข้ารับราชการในจวนเจ้าเมือง และได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม จึงไม่สามารถกลับไปยังเมืองจีนพร้อมนางได้ ลิ้มกอเหนี่ยวจึงได้ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหิมพานต์ ดังสัจวาจาที่กล่าวไว้กับมารดาว่า “หากตามพี่ชายกลับไปหามารดาไม่ได้จะไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อไป” ลิ้มโต๊ะเคี่ยมผู้เป็นพี่ชายจึงได้ฝังศพของนางไว้ที่ฮวงซุ้ยที่หมู่บ้านกรือเซะนอกเมืองปัตตานี กล่าวขานกันว่าดวงวิญญาณของนางได้แสดงอิทธิฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือในหมู่ชาวบ้านทั่วไป พอมีผู้มาขอพรให้โชคลาภก็ได้ผล หรือแม้แต่การค้าขายที่ซบเซาหรือขาดทุนก็กลับรุ่งเรืองขึ้นทำให้เกิดความนับถือศรัทธาอย่างมาก ชาวปัตตานีจึงได้นำต้นไม้ที่ลิ้มกอเหนี่ยวผูกคอตายมาแกะสลักเป็นรูปบูชาและสร้างศาลเจ้าขึ้นสักการะ สำหรับองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาโชคลาภ ค้าขาย ซึ่งเป็นที่นิยมมากราบไหว้ของพรเพื่อเป็นศิริมงคลกับชีวิต










หลังจากนั้นขับไปยัง มัสยิดกรือเซะ หรือมัสยิดสุลต่านมูซัฟฟาร์ซาห์ เป็นมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ในจังหวัดปัตตานี ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองปัตตานี ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตรสันนิษฐานได้ว่าเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 22 ร่วมสมัยกรุงศรีอยุธยา มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มัสยิดปิตูกรือบัน ชื่อนี้เรียกตามรูปทรงของประตูมัสยิด ซึ่งมีลักษณะเป็นวงโค้งแหลมแบบโกธิคของชาวยุโรป และแบบสถาปัตยกรรมของชาวตะวันออกกลาง รูปลักษณะเป็นอาคารก่อสร้างด้วยอิฐปูน เสาทรงกลมเลียนรูปลักษณะแบบเสาโกธิคของยุโรป ช่องประตูหน้าต่างมีทั้งแบบโค้งแหลมและโค้งมนแบบโกธิค โดม และหลังคายังก่อสร้างไม่เสร็จ อิฐที่ใช้ก่อมีรูปลักษณะเป็นอิฐสมัยอยุธยา ตรงฐานมัสยิดมีอิฐรูปแบบคล้ายอิฐสมัยทวารวดีปะปนอยู่บ้าง














ขับรถต่อไปยัง “อุโมงค์ปิยะมิตร” ไฮไลท์ของที่นี่จะมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ปิยะมิตร ซึ่งจะรวบรวมของเก่าที่มีการใช้งานในสมัยนั้นมาสะสมไว้มากมายครับ อีกหนึ่งไฮไลท์ก็คืออุโมงค์ที่ถูกขุดเข้าไปในภูเขา อุโมงค์นี้ขุดเมื่อปี 2519 โดยใช้กำลังคน 45-50 คน ใช้เวลาในการขุดเพียง 3 เดือน มีทางเข้าออกอุโมงค์ 9 ทาง แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 6 ทาง ซึ่งจะเชื่อมต่อกันหมด อุโมงค์มีความกว้างประมาณ 50-60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ภายในสามารถจุคนได้เกือบ 200 คน ภายในอุโมงค์ก็จะทำเป็นห้องเล็กๆ แต่ละห้องก็จะมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันออกไป เช่นห้องนอน ห้องเก็บเสบียง สถานีวิทยุ ภายในอุโมงค์อากาศเย็นสบาย มีการติดไฟให้แสงสว่างตลอดเส้นทาง
















ไฮไลท์สุดท้าย จะเป็นต้นไทรยักษ์ หรือชาวบ้านแถวนี้เรียกกันว่า ต้นไม้พันปี วัดโดยรอบได้ 60.8 เมตร สูง 40 เมตร ต้นไทรยักษ์นี้ ถูกจัดให้เป็นรุกขมรดกของแผ่นดินใต้ร่มพระบารมี


ก่อนพระอาทิตย์จะตก ขบวนคาราวานของเราได้แวะไปยังด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย  เพื่อให้พวกเราเก็บภาพเป็นที่ระลึก  และเข้าที่พัก โรงแรมแกร์นดแมนดาริน Grand Mandarin Betong ซึ่งข้างโรงแรมจะเป็นอุโมงค์ทางลอดมีสัญลักษณ์ของเมืองเบตง แน่นอนพวกเราไม่พลาดที่จะไปถ่ายรูปเช็คอิน


















ส่วนเช้าวันรุ่งขึ้นก่อนกลับ คณะเราออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง SKY Walk สถานที่เที่ยวยอดฮิตที่ทุกคนห้ามพลาด เพียงแต่วันที่เราไปไม่มีหมอกให้ได้ชมกัน สกายวอล์ค ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มีไฮไลท์สำคัญ คือ อยู่บนระดับความสูง 2,038 ฟุต จากระดับน้ำทะเลเป็นอาคารโครงสร้างเหล็ก มีความสูง 45 เมตร มีบันไดให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชมวิว และลิฟต์ให้บริการสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ โดยไฮไลท์สำคัญ คือ ระเบียงทางเดินที่ยื่นออกไปจากฐานมีความยาวรวม 63 เมตร ส่วนปลายเป็นระเบียงชมวิวพื้นกระจกใสแทมเพอร์ลามิเนต ที่มีความมั่นคงแข็งแรง ทนทาน หนา 4 เซนติเมตร ที่สามารถมองทะลุลงไปได้ถึงพื้นเบื้องล่าง สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้รอบทิศทาง สำหรับสกายวอล์ค ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง หลังสร้างแล้วเสร็จ-ตรวจนับงาน ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมทะเลหมอกบนสกายวอล์คฯ อย่างไม่เป็นทางการฟรี ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 63 ที่ผ่านมา ในระหว่างเวลา 05.30-09.30 ทุกวัน โดยจำกัดจำนวนขึ้นได้สูงสุดไม่เกิน 360 คน และนักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามกฎขั้นต้นที่วางไว้


















ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่หาดใหญ่ พวกเราได้แวะมนัสการหลวงปู่ทวด “วัดราษฎร์บูรณะ หรือ วัดช้างให้ ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จึงใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้ดำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างให้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า ท่านลังกา หรือ สมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ท่านได้เดินธุดงค์ไปมาระหว่างเมืองไทรบุรีกับวัดช้างให้ และได้สั่งลูกศิษย์ไว้ว่าถ้าท่านมรณะภาพขอให้นำศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ ซึ่งเมื่อท่านมรณะภาพที่เมืองไทรบุรี ลูกศิษย์ก็ได้นำศพท่านมาทำการฌาปนกิจที่วัดช้างให้ อัฐิของท่านส่วนหนึ่งฝังไว้ที่วัดช้างให้ อีกส่วนหนึ่งนำกลับไปเมืองไทรบุรี ต่อมาได้สร้างสถูปบรรจุอัฐิของท่านไว้ที่วัด หลังจากได้กราบท่านเป็นที่เรียบร้อย พวกเราก็บึงรถกลับหาดใหญ่ หลังจากนั้นพวกเราก็บึงรถกลับหาดใหญ่










การขับบนเส้นทางหาดใหญ่-เบตง-หาดใหญ่ กล่าวโดยรวมต้องบอกว่ารถรุ่นนี้น่าใช้ เพราะถูกออกแบบมาสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ 3 แถว 6-7 ที่นั่ง แถวสามนั่งแบบสบายๆไม่ต้องนั่งชันเข่าให้เมื่อย ห้องโดยสารกว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบ จะมีติติงบ้างก็ตอนเข้า- ออกไปนั่งแถวสามที่อาจรอนานหน่อย เพราะต้องกดปุ่มข้างเบาะก็จะเคลื่อนตัวไปข้างหน้าให้เราเข้าไป พอนั่งเรียบร้อยก็กดปุ่มไฟฟ้าด้านหลังเบาะก็จะเคลื่อนกลับมาที่เดิม จะใช้เวลานิดหนึ่ง ถ้าใครใจร้อนอาจะมีเคืองนิด ๆ ขณะเดียวกันพนักพิงหลังเราต้องผลักมาในตำแหน่งเดิมเองด้วย แต่ที่ผู้เขียนชอบก็ตรงระบบเป่าลมเย็นระบายความร้อนเบาะ(Heater) สบายตัวมาก ยิ่งขับทางไกลช่วยได้เยอะ ตัวรถที่พัฒนาบนพื้นฐานรถยนต์นั่ง ช่วงล่างนุ่มสบาย


ส่วนเรื่องของสมรรถนะ อัตราเร่งทั้งตอนออกตัวและขณะเร่งแซง รวมทั้งการขับในโค้ง ไปแบบสบาย สบาย เพราะช่วงล่าง GVC Plus ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีสะบัด ไม่มีย้วย แถมระบบต่างๆที่ใส่มาแบบจัดเต็มก็ช่วยให้ขับได้ปลอดภัย ต้องยอมรับ มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 เป็นรถเอนกประสงค์สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่น่าสนใจมาก ทำให้การขับในระยะทางยาว ไม่มีเหนื่อยล้า แรงแบบเหลือ ๆ ไม่ต้องกดเยอะก็พุ่งแล้ว ส่วนเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน จากการขับตามกันเป็นขบวน เครื่องดีเซลประหยัดกว่า ตัวเลขที่ได้ 11-12 ต่อลิตร ขณะที่เบนซินจะได้ 9.5 -10.5 กิโลเมตรต่อลิตร ดังนั้นใครที่ขับไกล ๆ เครื่องดีเซลก็จะเซฟเงินได้มากกว่า


สำหรับคันที่ขับ มากับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 2.2 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้พละกำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 17.5กม./ลิตร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งยังมีการติดตั้งระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ Off-Road เพิ่มเติมในรุ่นที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD


ถึงบรรทัดนี้พอจะสรุปได้ว่า มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างครบครัน โดยเฉพาะรูปแบบเบาะนั่งแบบ Captain 6 Seats with center walkthrough เป็นรูปแบบใหม่ ที่เว้นทางเดินตรงกลางให้สามารถเดินเชื่อมกันได้ระหว่างเบาะนั่งแถวที่ 2 และ เบาะนั่งแถวที่ 3 ได้ง่ายดายซึ่งมีอยู่ในรุ่น 2.5 SP Exclusive ,วัสดุ อุปกรณ์ ภายในรถ เลือกใช้ที่มีคุณภาพสูง เน้นสปอร์ตพรีเมียม,ความสุนทรีย์ที่ได้จากจอ 8 นิ้ว จัดมาครบ,ในรุ่นท็อบ Captain 6 Seats with Lounge เพิ่มระบบปรับด้วยไฟฟ้ามาให้ ทั้งการปรับเอน เลื่อนหน้า-ถอยหลัง และ พับให้เรียบ มีในรุ่น Top 2.2 XDL Exclusive AWD ,หลังคาซันรูฟเปิดปิดด้วยไฟฟ้า ,ระบบปรับอากาศที่เบาะนั่ง ทั้งหมดมีอยู่ในมาสด้า ซีเอ็กซ์-8 รถครอบครัวยุคใหม่ที่น่าสนใจ และไม่ผิดหวังที่จะจับจองเป็นเจ้าของ

ถือว่าเป็นทริปที่สุดคุ้มได้ชมความสวยงามของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และยังได้ขับรถดีดี แฮปปี้มีความสุขคะ




















กำลังโหลดความคิดเห็น