ดูคาติ ประเทศไทย ประกาศพร้อมทำตลาด จยย.ไฟฟ้า Moto E มาแน่นอน เชื่อเป็นทิศทางของโลก พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 1,200 คัน ภายใน 2 ปี ส่วนครบรอบปีแรกมียอดขายกว่า 500 คัน
นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้ามาทำตลาดรถจักรยานยนต์ ดูคาติ เป็นระยะเวลาครบ 1 ปีแรกแล้วมียอดขาย (ยอดจดทะเบียน) รวมกว่า 500 คัน แบ่งเป็นช่วงแรกหลังทำตลาดเมื่อ 1 กรกฎาคม 2564 จนถึงสิ้นปี 2564 มีจำนวน 272 คัน และในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวน 288 คัน เติบโต 20%
สัดส่วนการขาย รถรุ่น Monster ขายดีที่สุดด้วยส่วนแบ่ง 29% ตามด้วยรุ่น Scambler 22% รุ่น Panigale 17% ส่วนที่เหลือ 39% เป็นรุ่นอื่นๆ รวมกัน โดยมีระดับราคาให้เลือกตั้งแต่ 349,000-1,660,000 บาท
“ปัจจุบันมีรถดูคาติอยู่ในประเทศไทยราว 13,000 คัน ซึ่งเมืองไทยเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของดูคาติ เนื่องจากมีโรงงานประกอบอยู่ที่จังหวัดระยอง ฉะนั้นจึงมั่นใจได้ในทุกเรื่อง รวมถึงรถรุ่นใหม่ที่เราจะทำตลาดทุกรุ่นที่มีการเปิดตัวเช่นเดียวกับในตลาดโลก”
สำหรับเป้าหมายยอดขายในช่วง 2 ปีแรกของการทำตลาดวางเอาไว้ที่ 1,200 คัน โดยใช้ 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย การฟื้นความเชื่อมั่นของลูกค้า ( fix pain point ) ด้วยการบริการหลังการขายนำขาย สร้างความเชื่อมั่นในการนำรถเข้าซ่อมกับศูนย์บริการและปรับโครงสร้างราคาอะไหล่ให้เป็นราคาที่สมเหตุสมผล
พร้อมทั้งการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพื่อให้การบริการอย่างครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์โดยมีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างรวดเร็วและหลากหลายในราคาที่สมเหตุสมผล
“หนึ่งในโมเดลที่เราจะทำตลาดในอนาคตอย่างแน่นอนคือ Moto E รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของดูคาติ ซึ่งมีการเปิดตัวรถต้นแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราเชื่อว่าจักรยานยนต์ไฟฟ้าเป็นทิศทางของตลาดในยุคหน้า แต่ในช่วงแรกจะเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยมก่อนยังไม่ใช่ราคาที่จับต้องได้ง่าย”นายกฤษณะกร กล่าว
ขณะที่แผนระยะกลางในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จะเน้นที่การทำตลาดด้วยรถขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กลงกว่าปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้บรรลุเป้าหมายยอดขายรวมทั้งหมดที่ตั้งไว้ราว 6,000 คันได้
นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้ามาทำตลาดรถจักรยานยนต์ ดูคาติ เป็นระยะเวลาครบ 1 ปีแรกแล้วมียอดขาย (ยอดจดทะเบียน) รวมกว่า 500 คัน แบ่งเป็นช่วงแรกหลังทำตลาดเมื่อ 1 กรกฎาคม 2564 จนถึงสิ้นปี 2564 มีจำนวน 272 คัน และในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวน 288 คัน เติบโต 20%
สัดส่วนการขาย รถรุ่น Monster ขายดีที่สุดด้วยส่วนแบ่ง 29% ตามด้วยรุ่น Scambler 22% รุ่น Panigale 17% ส่วนที่เหลือ 39% เป็นรุ่นอื่นๆ รวมกัน โดยมีระดับราคาให้เลือกตั้งแต่ 349,000-1,660,000 บาท
“ปัจจุบันมีรถดูคาติอยู่ในประเทศไทยราว 13,000 คัน ซึ่งเมืองไทยเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของดูคาติ เนื่องจากมีโรงงานประกอบอยู่ที่จังหวัดระยอง ฉะนั้นจึงมั่นใจได้ในทุกเรื่อง รวมถึงรถรุ่นใหม่ที่เราจะทำตลาดทุกรุ่นที่มีการเปิดตัวเช่นเดียวกับในตลาดโลก”
สำหรับเป้าหมายยอดขายในช่วง 2 ปีแรกของการทำตลาดวางเอาไว้ที่ 1,200 คัน โดยใช้ 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย การฟื้นความเชื่อมั่นของลูกค้า ( fix pain point ) ด้วยการบริการหลังการขายนำขาย สร้างความเชื่อมั่นในการนำรถเข้าซ่อมกับศูนย์บริการและปรับโครงสร้างราคาอะไหล่ให้เป็นราคาที่สมเหตุสมผล
พร้อมทั้งการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพื่อให้การบริการอย่างครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์โดยมีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างรวดเร็วและหลากหลายในราคาที่สมเหตุสมผล
“หนึ่งในโมเดลที่เราจะทำตลาดในอนาคตอย่างแน่นอนคือ Moto E รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของดูคาติ ซึ่งมีการเปิดตัวรถต้นแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราเชื่อว่าจักรยานยนต์ไฟฟ้าเป็นทิศทางของตลาดในยุคหน้า แต่ในช่วงแรกจะเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยมก่อนยังไม่ใช่ราคาที่จับต้องได้ง่าย”นายกฤษณะกร กล่าว
ขณะที่แผนระยะกลางในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จะเน้นที่การทำตลาดด้วยรถขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กลงกว่าปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้บรรลุเป้าหมายยอดขายรวมทั้งหมดที่ตั้งไว้ราว 6,000 คันได้