มารูติ ซูซูกิ ในประเทศอินเดียเปิดตัว “แกรนด์ วีทารา” ใหม่ มีให้เลือกทั้งขุมพลังฟูลไฮบริด Intelligent Electric Hybrid 1.5 ลิตร และเบนซินไมลด์ไฮบริด Progressive Smart Hybrid 1.5 ลิตร พร้อมห้องโดยสารแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง
ซูซูกิ แกรนด์ วีทารา ในตลาดอินเดียเน้นจุดขายเอสยูวีระดับพรีเมียมที่มีอุปกรณ์มาตรฐานมาให้อย่างครบครัน ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “Crafted Futurism” ที่เน้นความล้ำสมัยทั้งภายนอกและภายใน ตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ ทั้งยังถูกติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด ที่สามารถชาร์จตัวเองจากการเบรกและชะลอความเร็วได้เป็นครั้งแรกภายใต้แบรนด์ มารูติ ซูซูกิ
ดีไซน์ภายนอกของ ซูซูกิ แกรนด์ วีทารา ถูกออกแบบให้สะท้อนความเป็นรถเอสยูวีแท้ๆ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มล้อสีดำที่เพิ่มความบึกบึนให้กับตัวรถ เส้นสายด้านข้างที่ดูคมชัด พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ติดตั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดี 3-element ไว้ชิดกับฝากระโปรงหน้า พร้อมไฟท้ายแบแอลอีดี ที่ออกแบบให้สอดรับกัน เสริมด้วยกระจังหน้าสีดำ Hi-gloss ตัดกับโครเมียมสีเข้ม “Fervent Dark Chrome” ในรุ่น Intelligent Electric Hybrid ขณะที่รุ่น Progressive Smart Hybrid จะถูกตกแต่งด้วยโครเมียมแบบ “Rich Chrome” แทน
ภายในห้องโดยสารเน้นความพรีเมียมด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำตัดกับสีน้ำตาลแชมเปญโกลด์ มาพร้อมเบาะนั่งคู่หน้าที่มีระบบพัดลมระบายอากาศเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ถูกติดตั้งฟังก์ชันล้ำสมัยมากมาย เช่น หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Head Up Display แสดงผลด้วยสี, ระบบอินโฟเทนเมนท์ Smart Play Pro+ หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว สามารถรองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto, ระบบเริ่มต้นคำสั่งเสียงด้วยคำพูดว่า “ไฮ ซูซูกิ”, ที่ชาร์จไฟไร้สาย, กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 View Camera และระบบเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน Suzuki Connect App บนสมาร์ทโฟน, สมาร์ทวอตช์ และ Alexa Skill ได้
นอกจากนี้ ซูซูกิ แกรนด์ วิทารา ยังมาพร้อมหลังคาแบบพาโนรามิกซันรูฟ ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งภายในห้องโดยสาร และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Full Digital Instrument Cluster แสดงผลด้วยสี รวมถึงระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control, ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง TPMS, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า, ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย) และระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น
ในตลาดอินเดียมีให้เลือกทั้งขุมพลังฟูลไฮบริดที่เรียกว่า Intelligent Electric Hybrid ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่มีกำลังสูงสุด 92.45 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 122 นิวตัน-เมตร เมื่อทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังสูงสุด 115.56 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ e-CVT มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 27.97 กม./ลิตร และมีโหมด EV สำหรับขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนได้
ส่วนขุมพลังไมลด์ไฮบริดเรียกว่า Progressive Smart Hybrid มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Dual Jet ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 103.06 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 136.8 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบ Idle Stop Start ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 21.11 กม./ลิตร (ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด) และสามารถเลือกติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALLGRIP ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โหมด ได้แก่ Auto, Sport, Snow และ Lock ขณะที่ราคาจำหน่ายจะถูกประกาศอีกครั้งในภายหลัง