โตโยต้า โคโรลล่า โฉมไนเนอร์เชนจ์ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในยุโรป ปรับดีไซน์สดใหม่ยิ่งขึ้น พร้อมระบบ “โตโยต้า ที-เมต” ที่รวมเอาระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense และระบบช่วยเหลือการขับขี่เข้าไว้ด้วยกัน ปรับปรุงเครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตรแรงขึ้นกว่าเดิม
โตโยต้า โคโรลล่า ไมเนอร์เชนจ์ เวอร์ชันยุโรปยังคงมีให้เลือกทั้งตัวถังแบบแฮทช์แบ็ก, ทัวริ่ง สปอร์ต (แวกิน) และซาลูน ขึ้นอยู่กับตลาดแต่ละประเทศ โดยได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์กระจังหน้า, กรอบไฟตัดหมอก และล้ออัลลอยใหม่ พร้อมทั้งไฟหน้าแบบ Bi-LED ใหม่ ที่มีระบบไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive High-Beam System (AHS) ในรุ่นท็อปของตัวถังแบบแฮทช์แบ็กและทัวริ่งสปอร์ต
ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งเน้นความพรีเมียมและทันสมัยด้วยโทนสีเข้มตัดกับสีสว่าง ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับการแสดงผลได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ Casual, Smart, Sport และ Tough พร้อมด้วยหน้าจออินโฟเทนเมนท์ความละเอียดสูงขนาด 10.5 นิ้ว ที่มีระบบ Toyota Smart Connect หรือ Toyota Smart Connect+ ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย โดยผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงแผนที่นำทางระบบคลาวด์, ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ และข้อมูลการเดินทางต่างๆ ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 4 ปี
นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้พัฒนาระบบสั่งงานด้วยเสียงให้รองรับคำสั่งได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมระบบความบันเทิง หรือการสั่งเปิด-ปิดกระจกหน้าต่าง รวมถึงมีระบบเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน MyT สำหรับล็อก-ปลดล็อกประตู, เปิด-ปิดระบบปรับอากาศ, เปิดไฟฉุกเฉิน และค้นหาตำแหน่งตัวรถผ่านทางสมาร์ทโฟนได้
ด้านระบบความปลอดภัยมีการติดตั้ง โตโยต้า ที-เมต (Toyota T-Mate) ที่รวมเอาระบบความปลอดภัยขั้นสูง Toyota Safety Sense และระบบช่วยเหลือการขับขี่เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งโตโยต้าระบุว่าได้มีการเพิ่มเติมระบบ Acceleration Suppression ช่วยป้องกันการเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ, ระบบป้องกันการชนขณะเลี้ยวบริเวณแยกจราจร, ระบบช่วยหักพวงมาลัยฉุกเฉิน Emergency Steering Assist เพื่อหลีกเลี่ยงการชนรถที่สวนมา, ระบบป้องกันการชนด้านข้าง และระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติก่อนถึงทางโค้ง เป็นต้น
ขุมพลังของ โตโยต้า โคโรลล่า ไมเนอร์เชนจ์เวอร์ชันยุโรปมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 138 แรงม้า ที่มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 9.2 วินาที ลดลงจากเดิม 1.7 วินาที หรือจะแรงเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 2.0 ลิตร ที่เพิ่มกำลังสูงสุดขึ้นเป็น 193 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.5 วินาที เร็วกว่ารุ่นเดิมเกือบครึ่งวินาที อันเป็นผลจากการปรับปรุงเครื่องยนต์, มอเตอร์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่ไฮบริด และ PCU (Power Control Unit) ให้มีพละกำลังมากยิ่งขึ้น
ส่วนการจำหน่าย โตโยต้า โคโรลล่า โฉมไมเนอร์เชนจ์ที่ยุโรปจะมีขึ้นช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 เป็นต้นไป