โตโยต้าในสหรัฐอเมริกาเปิดตัว “จีอาร์ โคโรลล่า” แฮทช์แบ็คตัวแรงพร้อมขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 3 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 300 แรงม้า (HP) พ่วงเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ GR-FOUR
โตโยต้า จีอาร์ โคโรลล่า ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ โคโรลล่า แฮทช์แบ็ค ที่วางจำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ ติดตั้งเบนซินเทอร์โบ 3 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร รหัส G16E-GTS ที่ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 370 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา iMT 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ GR-FOUR ที่สามารถถ่ายทอดกำลังไปยังล้อคู่หน้าและหลังได้ตั้งแต่แบบ 50:50 ไปจนถึง 30:70 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนทั้งเปียกและแห้ง
อีกทั้งยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้ง Normal, Sport และ Track สำหรับรีดประสิทธิภาพบนสนามแข่งได้อย่างเต็มที่
ดีไซน์ภายนอกของ จีอาร์ โคโรลล่า ถูกออกแบบไปในทิศทางเดียวกับ จีอาร์ ยาริส ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ประดับด้วยสัญลักษณ์ GR, โป่งซุ้มล้อเพื่อรับกับระยะห่างระหว่างล้อที่กว้างขึ้น และดิฟฟิวเซอร์บริเวณกันชนท้าย อีกทั้งยังมีรุ่นพิเศษที่เรียกว่า เซอร์กิต เอดิชัน ที่เพิ่มช่องดักลมเหนือฝากระโปรงหน้า, หลังคาฟอจด์คาร์บอนไฟเบอร์, ล้อสีดำด้านขนาด 18 นิ้ว รวมถึงห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุ Ultrasuede และเบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ เป็นต้น
ไม่เพียงเท่านี้ โตโยต้ายังได้มีการปรับปรุงช่วงล่างเน้นความสปอร์ตเต็มพิกัด โดยโตโยต้าระบุว่าได้มีการปรับจูนช่วงล่างของรถรุ่นนี้เพื่อรองรับการขับขี่บนสนามแข่ง รวมถึงติดตั้งยาง Michelin Pilot Sport 4S เป็นมาตรฐานจากโรงงาน ขณะที่รุ่น เซอร์กิต เอดิชัน ถูกเพิ่มเติมด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปแบบทอร์เซน ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเบรกให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
แม้ว่า โตโยต้า จีอาร์ โคโรลล่า จะถูกพัฒนาเพื่อเน้นสมรรถนะเป็นหลัก แต่ยังคงมีระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 ที่ประกอบไปด้วย ระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับคนเดินถนน, ระบบเตือนรถออกนอกเลนและดึงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้ามาอยู่ในเลน, ระบบช่วยประคองรถให้อยู่กลางเลน, ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันตามคันหน้าอัตโนมัติ, ไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบอ่านป้ายจราจร ฯลฯ
ทั้งนี้ รถรุ่นดังกล่าวจะถูกผลิตขึ้นที่โรงงาน จีอาร์ แฟคทอรี ในเมืองโมโตยาชิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเคยเดินสายการผลิต เลกซัส แอลเอฟเอ และ ซูปร้า มาแล้ว เนื่องจากโตโยต้าต้องการเน้นคุณภาพของรถรุ่นนี้มากกว่ายอดการผลิต รวมถึงจำเป็นต้องใช้เทคนิคการประกอบด้วยมือมากกว่าปกติ จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมรถรุ่นนี้ถึงต้องผลิตที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้ได้คุณภาพตามที่โตโยต้ากำหนดไว้
