TOAV ตั้งเป้ายอดขายปี 65 เติบโตเพิ่มขึ้น 10% เป็น 14,700 ล้านบาท พร้อมลงทุนเพิ่ม 300 ล้านบาท เสริมความเข้มข้นด้านบริการ ปรับปรุงการทำงานเพื่อลดต้นทุนพยุงรายได้ฝ่าวิกฤต

นายณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธานบริษัท ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (TOAVH) เปิดเผยว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมาบริษัท มีรายได้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นราว 13,400 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 19% ปัจจัยสำคัญมาจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นถึง 23% มูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท
ทั้งนี้รายได้หลักของกลุ่มธุรกิจยานยนต์มาจากการเป็นดีลเลอร์ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในชื่อ ไพรมัส ออโตเฮาส์ (Primus Autohaus)ที่มียอดรายได้รวมเพิ่มขึ้นกว่า 40% ขณะที่รายได้จากการเป็นดีลเลอร์รถยนต์เอ็มจีและซูซูกิ ภายใต้ชื่อ เบสท์ ออโต้ เติบโตขึ้น 14% และ 7% ตามลำดับ

“จะเห็นได้ว่า แม้เราอยู่ท่ามกลางภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ตลาดรถยนต์หรูยังคงเติบโตได้ และมีกระทบน้อยกว่ารถกลุ่มอื่นๆ ดังนั้นในปีนี้เราจึงตั้งเป้าการเติบไว้ที่ 10% หรือรายได้ประมาณ 14,700 ล้านบาท นับว่าเป็นตัวเลขที่ท้าทายมาก โดยจะมีการลงทุนเพิ่มประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงอู่สีและบริการหลังการขายให้เข้มข้นขึ้น” นายณัฏฐวุฒิ กล่าว

สำหรับเป้าหมายการเติบโตของกลุ่มธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ในปีนี้มองไว้ที่ 13% โดยมีปัจจัยสำคัญจาการเปิดรถยนต์รุ่นใหม่ที่เป็นแบบไฟฟ้าทั้งแบรนด์เอ็มจีและเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งสอดรับกับนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนให้ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ง่ายขึ้น
นายณัฏฐวุฒิ กล่าวกว่า บริษัทฯ ยังได้มีการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจอื่นๆ อีก 250 ล้านบาท แบ่งเป็น การขยายไลน์และปรับปรุงเครื่องจักรในธุรกิจสี 150 ล้านบาท โรงงานทำกระดาษ 70 ล้านบาท และอีก 30 ล้านบาท ตั้งบริษัทใหม่ที่กัมพูชาเพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสีและกระดาษทราย

อนึ่งธุรกิจในเครือของ ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง ประกอบไปด้วยการเป็นดีลเลอร์รถยนต์ 3 แบรนด์ เมอร์เซเดส-เบนซ์, ซูซูกิ และเอ็มจี, ธุรกิจสีและกระดาษทราย, สินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้แบรนด์ เชนไดร์ท และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นการร่วมทุนทำห้างสรรพสินค้า ดองกิ มอลล์ จากญี่ปุ่น
นายณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธานบริษัท ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (TOAVH) เปิดเผยว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมาบริษัท มีรายได้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นราว 13,400 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 19% ปัจจัยสำคัญมาจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นถึง 23% มูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท
ทั้งนี้รายได้หลักของกลุ่มธุรกิจยานยนต์มาจากการเป็นดีลเลอร์ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในชื่อ ไพรมัส ออโตเฮาส์ (Primus Autohaus)ที่มียอดรายได้รวมเพิ่มขึ้นกว่า 40% ขณะที่รายได้จากการเป็นดีลเลอร์รถยนต์เอ็มจีและซูซูกิ ภายใต้ชื่อ เบสท์ ออโต้ เติบโตขึ้น 14% และ 7% ตามลำดับ
“จะเห็นได้ว่า แม้เราอยู่ท่ามกลางภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ตลาดรถยนต์หรูยังคงเติบโตได้ และมีกระทบน้อยกว่ารถกลุ่มอื่นๆ ดังนั้นในปีนี้เราจึงตั้งเป้าการเติบไว้ที่ 10% หรือรายได้ประมาณ 14,700 ล้านบาท นับว่าเป็นตัวเลขที่ท้าทายมาก โดยจะมีการลงทุนเพิ่มประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงอู่สีและบริการหลังการขายให้เข้มข้นขึ้น” นายณัฏฐวุฒิ กล่าว
สำหรับเป้าหมายการเติบโตของกลุ่มธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ในปีนี้มองไว้ที่ 13% โดยมีปัจจัยสำคัญจาการเปิดรถยนต์รุ่นใหม่ที่เป็นแบบไฟฟ้าทั้งแบรนด์เอ็มจีและเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งสอดรับกับนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนให้ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ง่ายขึ้น
นายณัฏฐวุฒิ กล่าวกว่า บริษัทฯ ยังได้มีการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจอื่นๆ อีก 250 ล้านบาท แบ่งเป็น การขยายไลน์และปรับปรุงเครื่องจักรในธุรกิจสี 150 ล้านบาท โรงงานทำกระดาษ 70 ล้านบาท และอีก 30 ล้านบาท ตั้งบริษัทใหม่ที่กัมพูชาเพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสีและกระดาษทราย
อนึ่งธุรกิจในเครือของ ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง ประกอบไปด้วยการเป็นดีลเลอร์รถยนต์ 3 แบรนด์ เมอร์เซเดส-เบนซ์, ซูซูกิ และเอ็มจี, ธุรกิจสีและกระดาษทราย, สินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้แบรนด์ เชนไดร์ท และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นการร่วมทุนทำห้างสรรพสินค้า ดองกิ มอลล์ จากญี่ปุ่น