ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่เกิดขึ้นอีกแล้วกับบริษัทแม่ของแบรนด์รถยนต์ระดับหรูของเยอรมนีอย่าง Daimler AG เมื่อพวกเขาประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2022 เป็นต้นไป บริษัทแม่ที่ดูภาพรวมทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนจาก Daimler AG มาเป็น Mercedes-Benz Group AG และตรงนี้ทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามตามมาว่า เพราะอะไร ?
ก่อนที่จะมาถึงความเปลี่ยนแปลง
Daimler-Benz ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1926 ซึ่งเป็นการรวมกิจการของ Benz กับ Daimler ที่ก่อตั้งในปี 1902 โดยตลอดเกือบ 100 ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทนี้เคยผ่านการเปลี่ยนแปลงชื่อหลายครั้ง โดยชื่อ Daimler-Benz ถูกใช้อย่างยาวนานถึง 72 ปี (1926-1998) และเปลี่ยนมาเป็น DaimlerChrysler (1998-2002) หลังจากที่ Daimler เข้าควบรวมกิจการกับทาง Chrysler เพื่อปูทางในการขยายธุรกิจในสหรัฐอเมริกาโดยใช้เครือข่ายของ Chrysler เช่นเดียวกับการแชร์เทคโนโลยีกับทางกลุ่ม Chrysler และล่าสุดคือ Daimler AG ที่เริ่มในปี 2002 หลังจากที่มีการแยกตัว Chrysler ออกไป จนกระทั่งมาถึงครั้งนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อ 4 ปีก่อนหน้านี้ภายใต้ชื่อ Daimler AG มีการแบ่งบริษัทและโครงสร้างทางด้านธุรกิจเพื่อความชัดเจนในการทำงานและว่ากันว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการนำไปสู่การแตกบริษัทออกมาในครั้งนี้ ซึ่งตอนนั้น Daimler AG ประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยแบ่งบริษัทให้เป็น 3 บริษัทย่อยคือ Mercedes-Benz AG, Daimler Truck AG และ Daimler Mobility AG ซึ่งทุกบริษัทจะอยู่ภายใต้บริษัทใหญ่ Daimler AG เพื่อให้มีหน้าที่แยกจากกันชัดเจนและปฏิบัติงานได้คล่องตัวขึ้น
Mercedes-Benz AG จะเป็นบริษัทที่รับผิดชอบเรื่องรถยนต์และรถตู้ ซึ่งเดิมคือหน่วย Mercedes-Benz Cars & Vans มีพนักงานทั่วโลก 175,000 คนส่วน Daimler Truck AG จะเป็นหน่วยที่รับผิดชอบเรื่องรถบัสและรถบรรทุก ซึ่งเดิมคือหน่วย Daimler Trucks & Buses มีพนักงานทั่วโลกราว 1 แสนคน และ Daimler Mobility AG ซึ่งแต่เดิมหน่วยธุรกิจนี้ชื่อ Daimler Financial Services AG และการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นการบ่งบอกว่าบริษัทนี้จะโฟกัสไปที่ธุรกิจ mobility services อย่างบริการคาร์แชร์ Car2Go รวมถึงการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทอื่น ๆ ที่ทำธุรกิจในด้านบริการเรียกรถด้วย อย่างเช่น Taxify หรือ Via นอกเหนือจากเรื่องเดิมคือการให้บริการทางด้านการเงิน
ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 96 ปี
ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งถูกประกาศออกมาในแบบเซอร์ไพรส์ เพราะตามคำประกาศที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2021 ทางบอร์ดบริหารของ Daimler AG (ในตอนนั้น) ยืนยันออกมว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงเรื่องของชื่อบริษัทและโครงสร้างของบริษัท
ตอนนั้นเองมีการแยกส่วนธุรกิจของบริษัทออกจากกันคือ ธุรกิจรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และรถบรรทุก และกลุ่มธุรกิจรถยนต์นั่ง โดยในธุรกิจรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และรถบรรทุกนั้นจะใช้ชื่อว่า Daimler Truck Holding AG และเริ่มเข้ากระบวนการสู่ตลาดหลักทรัพย์ของ Frankfurt และในช่วง 3 เดือนของการแยกตัวนั้น Daimler Truck Holding AG สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวและมีอัตราการขยายตัวในตลาดหุ้นที่ค่อนข้างดีและน่าสนใจ
ขณะที่กลุ่มธุรกิจรถยนต์นั่งจะมีการรีแบรนด์ครั้งใหม่ และนั่นเป็นที่มาของชื่อ Mercedes-Benz Group AG ที่จะเริ่มใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และขณะเดียวกัน บริษัทอีกกลุ่มที่ดูแลในส่วนของการเงินและกลุ่มธุรกิจด้านบริการขนส่งอย่าง Daimler Mobility AG ก็จะเปลี่ยนมาเป็น Mercedes-Benz Mobility AG ด้วยเช่นกัน โดยหน้าที่ในการดำเนินธุรกิจยังเหมือนเดิมคือการให้บริการทางด้านการเงินกับกลุ่มผู้ซื้อรถยนต์ของบริษัททั้งรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เช่นเดียวกับธุรกิจ Mobility services
เพื่อความชัดเจนในการทำธุรกิจ
‘การเปลี่ยนชื่อใหม่มาเป็น Mercedes-Benz Group AG เป็นเรื่องของการปรับกลยุทธ์ใหม่ในการดำเนินธุรกิจของเรา และการที่จะสื่อให้เห็นถึงสิ่งนี้อย่างชัดเจนได้นั้น เราต้องแสดงให้เห็นว่าแก่นแท้ของบริษัทอยู่ที่ใด นั่นคือการผลิตรถยนต์ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก สัญลักษณ์ดวงดาวแห่ง Mercedes ยังเป็นคำสัญญาสำหรับอนาคตเสมอ โดยการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันก็เพื่อเป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้น และเราต้องการสานต่อตำนานผู้ก่อตั้งของเราด้วยการเป็นผู้นำด้านการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและซอฟต์แวร์ในด้านยานยนต์’ Ola Källenius ประธานของ Mercedes-Benz Group AG กล่าว
เป้าหมายของ Mercedes-Benz Group AG มีความชัดเจนด้วยการโฟกัสตัวเองในการทำธุรกิจรถยนต์นั่งในรูปแบบต่างๆ เช่น รถยนต์ 4 ประตูและแวนระดับหรูหราและพรีเมียม รวมถึงการผลักดันตัวเองเข้าสู่ตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าและการผลิตซอฟต์แวร์ด้านยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย
Mercedes-Benz ที่ผลิตและพัฒนารถยนต์นั่งและรถยนต์อเนกประสงค์ในรูปแบบต่างๆ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในและไฮบริด
Mercedes-AMG ผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงทั้งในรูปแบบของสปอร์ตและการนำรถยนต์ของ Mercedes-Benz ที่มีอยู่แล้วมาเพิ่มขีดความสามารถในด้านต่างๆ
Mercedes-EQ เป็นกลุ่มที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปี 2016 ในการเปิดตัวต้นแบบที่งาน Paris Motorshow และนำไปสู่การเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกในปี 2019
Mercedes-Maybach แบรนด์ที่ควบรวมกิจการของ Maybach ที่ยุติการทำตลาดในฐานะแบรนด์เดี่ยวเมื่อปี 2013 พร้อมกลับมาทำตลาดภายใต้ชื่อร่วมอย่าง Mercedes-Maybach ในปี 2015
Smart บริษัทรถยนต์ขนาดเล็กที่เปิดตัวในปี 1994 และเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังในปี 1997
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการแยกบริษัทและมีการเปลี่ยนชื่อใหม่นั้นสัดส่วนของการถือหุ้นก็ยังเหมือนเดิมคือ Mercedes-Benz Group AG ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 35% ของ Daimler Truck Holding AG
ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโลกอุตสาหกรรมยานยนต์รับปี 2022 และคงต้องดูกันต่อไปว่า ตามแผนการนี้ จะช่วยทำให้การเติบโตของ Mercedes-Benz ไปในทิศทางไหน โตเร็วหรือโตช้า ? ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะได้ข้อสรุปจากความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
