ปอร์เช่ บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชื่อก้องโลกสัญชาติเยอรมัน สร้างสถิติยอดส่งมอบรถใหม่สูงสุดในปี 2564 พร้อมรองรับความต้องการระดับสูงต่อเนื่องไปถึงปี 2565 ภูมิภาคที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Porsche Asia Pacific ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 51 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) คือรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รถพลังงานไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ และรถยนต์ไฮบริด ขยับส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 45 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนให้เห็นถึงความเติบโตของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าได้อย่างชัดเจน
ผลงานอันยอดเยี่ยมเป็นประวัติการณ์ของบริษัท : ปอร์เช่สามารถส่งมอบรถยนต์ใหม่เป็นจำนวนทั้งสิ้น 301,915 คัน ไปยังลูกค้าทั่วทุกมุมโลกในปีงบประมาณ 2564 หรือคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 การพัฒนาในทุกกลุ่มตลาดมีส่วนต่อความสำเร็จเป็นอย่างมาก รวมทั้งอัตราการเติบโตสูงที่สุดซึ่งเกิดขึ้นในทวีปอเมริกา และประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของรถยนต์ปอร์เช่
Detlev von Platen สมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลส่วนงานขาย และการตลาดของ Porsche AG กล่าวว่า “ถึงแม้ในขณะนี้เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์ขาดแคลนอุปกรณ์ semi-conductor และความยุ่งยากต่าง ๆ อันมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 แต่เรายังคงทำงานอย่างสุดความสามารถเพื่อเติมเต็มความฝันของลูกค้าในการได้ครอบครองและเป็นเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่สักคัน ความต้องการรถยนต์ปอร์เช่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมทั้งคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราจึงเริ่มต้นปี 2565 ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพอันเต็มเปี่ยมจากทุกภูมิภาคทั่วโลก”
ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
รุ่นรถที่มีความต้องการสูงสุดในปี 2564 เป็นอันดับแรกคือรถ SUV รุ่นปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) มียอดจองสูงถึง 88,362 คันตามมาด้วย ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) มียอดส่งมอบ 83,071 คัน ทางด้านรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) มียอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยตัวเลขรวม 41,296 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนถือว่ามากขึ้นกว่าสองเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับรถสปอร์ตระดับตำนานอย่าง ปอร์เช่ 911 มียอดส่งมอบสม่ำเสมอด้วยตัวเลข 38,464 คัน ด้านปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ทำยอดส่งมอบได้ที่ 30,220 คัน และ ปอร์เช่ 718 บ๊อกสเตอร์ (718 Boxster) และ 718 เคย์แมน (718 Cayman) ทำได้ที่ 20,502 คัน
รักษาระดับความต้องการได้อย่างแข็งแกร่งจากทั่วทุกมุมโลก
ปอร์เช่สามารถสร้างผลงานเพิ่มยอดส่งมอบได้ในทุกภูมิภาคทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีอัตราการเติบโตอย่างยอดเยี่ยม มียอดจำหน่างสูงถึง 70,025 ราย โดยคิดเป็นสัดส่วนแล้วสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 22 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งลูกค้าในสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ที่มีให้เลือกหลากหลายรุ่น ทำให้ในด้านภาพรวมทั่วทั้งทวีปอเมริกานั้นปอร์เช่สามารถทำยอดส่งมอบได้ที่ 84,657 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 22 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน
ประเทศจีนยังคงมีสถานะผู้นำตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำ และสามารถสร้างสถิติที่ยอดเยี่ยมจากผลงานตลอดปี 2564 ด้วยอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขในปี 2563 ทำให้มียอดส่งมอบรถยนต์ใหม่ถึงมือลูกค้าชาวจีนทั้งสิ้นรวมถึง 95,671 คัน ในท่ามกลางสถานการณ์การขาดแคลนชิ้นส่วนอะไหล่ ทำให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แอฟริกา และตะวันออกกลาง มียอดจำหน่ายอยู่ในระดับสูงถึง 131,098 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 8 เปอร์เซ็นต์จากปี 2563
Porsche Asia Pacific – ซึ่งผ่านการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 20th ปี ในการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง และสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมาโดยตลอด และสามารถทำลายสถิติอัตราการเติบโตด้านยอดจำหน่ายสูงสุด โดยเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 51 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563
ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) คือรุ่นรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดอันดับสองสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยสัดส่วนการขายของรถยนต์ปอร์เช่ที่ถูกจำหน่ายออกไปทุก ๆ ห้าคัน จะเป็นไทคานน์หนึ่งคัน ทำให้รถสปอร์ตขุมพลังแบตเตอรี่ และขุมพลังไฮบริดมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 45 เปอร์เซ็นต์จากยอดขายรวมของปอร์เช่ในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดโลก ต้องยกผลประโยชน์ให้กับความยอดเยี่ยมของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า และรถสปอร์ตยุคใหม่ของปอร์เช่
ในประเทศบ้านเกิดเยอรมนี ปอร์เช่ยังคงรักษาระดับความนิยมเอาไว้ได้ ด้วยยอดส่งมอบ 28,565 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์ ในภาพรวมของทวีปยุโรปลูกค้า 86,160 ราย มอบความไว้วางใจเป็นเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ เพิ่มขึ้นอีก 7 เปอร์เซ็นต์จากปี 2020 ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคือสิ่งที่ลืมไม่ได้ว่า ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของรถยนต์ปอร์เช่ที่จำหน่ายในทวีปยุโรปตลอดปี 2021 คือรถพลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถขุมพลัง plug-in hybrids หรือแบตเตอรี่ โดย Detlev von Platen กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผลงานโดยรวมถือเป็นที่น่าพึงพอใจมาก และแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในเชิงกลยุทธ์การดำเนินงานด้านยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการ และความคาดหวังของลูกค้าได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยอดจำหน่ายไม่ได้เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับเรา สิ่งที่เหนือกว่านั้น คือการที่เราสามารถยืนหยัดสร้างสรรค์ความพิเศษเหนือระดับ และส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครให้แก่ลูกค้า รวมทั้งเผยแพร่สิ่งเหล่านี้ต่อไปทั่วทุกมุมโลก"
Porsche Asia Pacific1 กำกับดูแล 13 ประเทศในภูมิภาค ประกอบด้วย: บรูไน, กัมพูชา, เฟรนช์ โปลีนีเซีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, มองโกเลีย, นิว แคลิโดเนีย, นิวซีแลนด์, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ศรีลังกา, ไทย และเวียดนาม