xs
xsm
sm
md
lg

สโลไลฟ์ ชมวิว ชิลล์ กับ นิสสัน เทอร์ร่า เอสยูวีที่ตอบโจทย์ทุกการผจญภัยบนเส้นทางสู่ราชบุรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นิสสัน ประเทศไทย จัดทริปการทดสอบขับ นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ สำหรับสื่อมวลชนเป็นเวลา 2 วัน 1 คืนสู่จังหวัดราชบุรี ครอบคลุมระยะทางทั้งหมด 433 กิโลเมตร บนเส้นทางปกติและการผจญภัยแบบออฟโรด ทั้งนี้เพื่อให้สื่อมวลชนได้ลองขับ เทอร์ร่า บนถนนที่หลากหลาย อีกทั้งเป็นการตอบโจทย์การขับรถท่องเที่ยวในปัจจุบันของลูกค้าที่หันมาเดินทางเพื่อไปพักผ่อนกับเพื่อนหรือครอบครัวเพราะเทอร์ร่าสามารถขนสัมภาระต่อการไปตั้งแคมป์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างสบาย

ทริปนี้นิสสันจัดให้กับสื่อมวลชน 20 คน ขับรถนิสสัน เทอร์ร่า 10 คัน ๆ ละ 2 สื่อ โดยเส้นทางของทริปนี้ผู้อ่านสามารถเดินรอยตามได้เช่นกัน เพราะระยะทางไม่ไกล แถมยังมีจุดเช็คอิน ถ่ายรูปสวย ๆ ตลอดทั้งไปและกลับ


สำหรับรถยนต์ เทอร์ร่า คันที่เราได้ลองขับเป็นเครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร (Nm) และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ตอบสนองไวขึ้น สามารถรองรับน้ำมันดีเซลได้ทุกชนิดทั้ง B7, B10 และ B20

ขณะที่ห้องโดยสารกว้างขวางได้รับการปรับปรุงและปรับแต่งใหม่ มาพร้อมกับเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ รูปทรงเบาะด้านหลังแบบใหม่ที่ช่วยให้ผู้ร่วมเดินทางทุกคนรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง ทั้งยังสามารถปรับได้ตามต้องการด้วยการออกแบบพิเศษที่นั่งแถวที่สอง และสาม ให้ปรับรูปแบบได้หลากหลาย เช่น ปรับเป็นที่นอนแสนสบาย หรือจะติดตั้งเต็นท์บนหลังคาที่มีความเก๋ไก๋ เติมเต็มประสบการณ์ให้กับทริปเดินทางแบบสะดวกสบาย


Mellow Garden Restaurant & Bakery




ช่วงแรกสำหรับการขับในเมืองรู้สึกได้ว่าการออกตัวดูกระฉับกระเฉง แม้ตัวรถจะค่อนข้างใหญ่แต่ด้วยความเป็นรถสูงจึงมองเห็นชัดเจน การเปลี่ยนเลนทำได้ง่าย ตัวรถนุ่มขึ้นกว่าโฉมก่อนแต่ไม่ย้วย ระบบเบรกเอาอยู่แบบมั่นใจกว่าเดิม



 เมมโมรี่ เฮ้าส์ คาเฟ่ สามพราน (Memory House Cafe) จังหวัด นครปฐม
จุดเริ่มต้นพวกเราออกเดินทางจากร้าน Mellow Garden Restaurant & Bakery ร้านอาหารที่ร่มรื่นไปด้วยบรรยากาศของธรรมชาติ มุ่งหน้าสู่จุดหมายแรกร้าน เมมโมรี่ เฮ้าส์ คาเฟ่ สามพราน (Memory House Cafe) จังหวัด นครปฐม ร้านนี้เอาใจสาว ๆ หัวใจพาสเทล กับทุ่งหญ้าหลากสีสัน หรือจะมุมริมแม่น้ำท่าจีนก็เก๋ ๆ ถือว่าที่นี้สวยร่มรื่นดีทีเดียว ที่สำคัญอยู่แค่สามพราน ขับรถจากกรุงเทพฯใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่งโมงก็ถึงแล้ว หลังจากนั้นมุ่งหน้าไปรับประทานอาหารกลางวันที่ IDin The River Cafe&Bar








รอบบ่ายคณะสื่อมวลชนยังสนุกสนานกับการขับเทอร์ร่าพร้อมลองใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ อาทิ Apple CarPlay แบบไร้สาย (Wireless Apple CarPlay) และ Android Auto ที่เข้าถึงเทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charging) Google Map บริการสตรีมมิ่งเพลงโปรดต่าง ๆ รวมถึงDigital Roadbook สำหรับเส้นทางพิเศษ เทคโนโลยีเชื่อมต่อของนิสสันรวมถึงระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bose Premium Audio ก็เพลิดเพลินได้ดีในช่วงระหว่างทางการเดินทาง



มุมถ่ายรูปร้าน กระท่อมอินทา
จุดแรกที่พวกเราไปแวะคือร้าน "กระท่อมอินทา" (Kratom Intra ) ฟาร์มคาเฟ่สุดน่ารักสไตล์ Glass House ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มีท้องฟ้าและทุ่งหญ้าเป็นแบ็คกราวด์ พร้อมวิวทะเลสาบกว้างขวาง สุดสายตา ให้นั่งมองได้ทั้งวันทั้งยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ ทั้งโซนคาเฟ่และ Outdoor ที่เนรมิตพื้นที่ที่เคยว่างเปล่ากว่าร้อยไร่ ให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนในฝันและพลาดไม่ได้เลยกับ "มุมชิงช้าสูง ริมทะเลสาบ" ที่ไกวที หน้าก็โต้ลมที รับอากาศบริสุทธิ์กันไปแบบเต็มปอด พร้อมล้อมรอบด้วยวิวธรรมชาติ มองออกไปเห็นทุ่งเขางูอยู่ริบๆ ผู้เขียนแนะนำให้แวะมาเลย รับรองไม่ผิดหวัง

มุมถ่ายรูปร้าน กระท่อมอินทา

มุมถ่ายรูปร้าน กระท่อมอินทา




สถานที่สองขบวนคาราวาน เทอร์ร่า มุ่งหน้าสู่ แกรนด์แคนยอน ราชบุรี (Grand Canyon Ratchabhuri ) แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่อำเภอจอมบึง สถานที่ท่องเที่ยวที่คล้ายดวงจันทร์ที่มีทะเลสาบซ่อนอยู่ตรงกลาง และเป็นโรงโม่จึงทำให้น้ำฝนโดนกักเก็บจนกลายเป็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกต ฟีลเหมือนอยู่ต่างประเทศเลย มีภูเขาหินที่ถูกน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นริ้วสวยงาม ทำให้เป็นจุดเช็คอินอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูป แต่แนะนำว่ามาที่นี่ควรมีร่ม หมวกและพกน้ำดื่มมาด้วยเพราะอากาศร้อนมาก ที่สำคัญผู้เขียนอยากจะเตือนว่าถ้าจะหามุมถ่ายรูปพยายามอยู่ห่าง ๆ ต้นไม้ เพราะผู้เขียนและสื่อมวลชนอีก 2 คน โดนแตนต่อย เพียงแค่เดินผ่านต้นไม้ที่อยู่ในบริเวณแกรนด์แคนยอน เลยอยากจะเตือนไว้นิดหนึ่ง



แกรนด์แคนยอน ราชบุรี

แกรนด์แคนยอน ราชบุรี


ส่วนสถานที่สุดท้ายของวันแรกก่อนเข้าที่พักพวกเราแวะไปร้าน Coro Field สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรไลฟ์สไตล์แห่งแรกในประเทศไทย เพื่อนๆที่มาราชบุรีห้ามพลาดฟาร์มนี้มีทั้งมุมถ่ายรูปสวยๆ เมนูฟิวส์ชันมากมายโดยเฉพาะเมล่อนแสนอร่อยสายพันธุ์ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ที่มีกลิ่นหอมหวานจนใครหลายคนติดใจ ผู้เขียนก็จัดไป 2 แก้ว พร้อมกินสดสด อีกหวานอร่อยจริงจัง



 เดอะ แคมป์ปิ้ง ฟิลด์ รีสอร์ท
สำหรับที่พักของพวกเราคืนนี้ถือว่าไม่ธรรมดา เดอะ แคมป์ปิ้ง ฟิลด์ รีสอร์ท (The Camping Fiald Resort) สวนผึ้ง ที่พักในสไตล์แคมป์ปิ้ง โดยพวกเราจะได้นอนในเต็นท์ ผู้ที่มาเข้าพักจะสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้ เช่น กิจกรรมเข้าค่าย ปิ้งย่าง หรือมาสังสรรค์กันเป็นกลุ่มใหญ่ประมาณ 8-30 ท่านแบบสบาย สบาย




ที่พักของผู้เขียน
ห้องพักมีลักษณะเป็นเต็นท์หลังใหญ่สีขาว ด้านในสามารถเข้าพักได้ 2 ท่านที่นี่ไม่มีแอร์ จึงสามารถรับลมธรรมชาติได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาวบรรยากาศและอากาศเย็นสมใจคนชอบความหนาว เต้นท์ที่นอนมองออกจากห้องพักที่ปลายเตียงก็มองเห็นวิวด้านนอกเลยและยังมีเก้าอี้นั่งเล่นด้านนอกเต็นท์อีกด้วย ส่วนเรื่องของห้องน้ำก็จะมีห้องน้ำรวมด้านนอกซึ่งก็จะมีหลายห้องเพื่อความสะดวกของลูกค้า นอกจากนี้ยังสามารถนำเต็นท์ส่วนตัวมากางได้เช่นกัน บรรยากาศยามเย็นสวยงามมากๆ

บรรยากาศตอนกลางคืน
ส่วนท่านที่ไม่สะดวกนอนเต็นท์ ก็สามารถติดต่อพักที่บ้านหลังใหญ่ได้ซึ่งมีจำนวน 1 หลัง สามารถเข้าพักได้ประมาณ 4-6 ท่าน สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นอกจากนี้ ก็สามารถปั่นจักรยาน ทำกิจกรรมเล่นรอบกองไฟก็สามารถทำได้ อ้อ...ทางรีสอร์ทบอกมาว่า ถ้าหากกรุ๊ปไหนอยากให้ช่วยจัดหาซื้ออาหารมาสำหรับปิ้งย่าง ก็สามารถบอกทางรีสอร์ทได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งงานนี้ทางนิสสัน ก็จัดอาหารแบบปิ้งย่าง พร้อมก่อกองไฟ เหมือนสมัยเด็ก ๆ ที่เราไปออกค่ายกันเลย ได้อารมณ์สมัยนั้นกลับมาอีกครั้ง

อาหารสำหรับค่ำคืนนี้








ทางไปจุดชมวิวห้วยคอกหมู
วันที่สอง กลุ่มผู้ร่วมทริปออกเดินทางแต่เช้าตรู่ขับรถไปยังจุดชมวิวห้วยคอกหมู ซึ่งเส้นทางนี้เป็นทางขึ้นเขา ลาดชัน เส้นทางคดเคี้ยว เลยถือโอกาสใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ นอกจากนี้ตัวรถยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA) และเทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) ผ่านระบบล็อคเฟืองท้าย 4WD-DIFF เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชันช่วยป้องกันไม่ให้รถไหลขณะออกตัว พร้อมเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ที่ทำงานเมื่อเปิดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และมาตรวัดแสดงโหมดออฟโรด (Off-road Meter) แสดงข้อมูลการขับขี่ในโหมดขับเคลื่อนต่างๆ รวมถึงบอกองศาความลาดเอียงของตัวรถ ขณะที่เทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันช่วยป้องกันไม่ให้รถไถลเมื่อขับลงทางลาดชันสูงโดยใช้กำลังเครื่องยนต์ช่วยหน่วงความเร็วโดยไม่ต้องเหยียบเบรกช่วย แต่อย่างไรก็ไม่ได้ใช้หมด เพราะด้วยพละกำลังของตัวรถทีมีอยู่ก็สามารถขับผ่านอุปสรรคขึ้นไปจิบกาแฟยามเช้าบนยอดห้วยคอกหมู พร้อมดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์ที่สวยงามได้แบบชิล ชิล


หลังจากนั้นก็ขับคลุกฝุ่นลงมาสู่ร้านอาหารกลางวันก่อนกลับสู่กรุงเทพฯ โดยขากลับ นิสสันปล่อยให้ทุกคนขับแบบอิสระไม่ต้องขับเป็นขบวนเหมือนขามา ทำให้คันของเรามีโอกาสทดสอบความเร็ว การขับขี่แบบทางยาวๆ เดินทางไกลด้วยความเร็วสูง ตัวรถทรงตัวดี ให้ความรู้สึกนุ่มกว่าเดิม ความรู้สึกขับแบบปิกอัพหายไปเยอะ โดยรวมแล้วใกล้เคียงกับการขับนิสสัน เอ็กซ์เทรล มากขึ้น



ขึ้นมาดริปกาแฟ ถึงบนห้วยคอกหมู  กันเลยทีเดียว

สบาย สบาย กันไปยามเช้า












สำหรับจุดที่ชอบเทอร์ร่า คือตอนขับขึ้นไปชมวิวห้วยคอกหมู ได้ลองใช้กระจกมองหลังที่ปรับให้เห็นคันหลังแบบชัดเจน ในกรณีที่ของเต็มหลังรถมองไม่เห็น ตรงนี้ชอบมาก รวมถึงฝาประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า สะดวกสบายเวลาเรายกของเยอะ ก็แค่เตะไปใต้ท้องรถ ก็เปิดอัตโนมัติ


สรุปนิสสัน เทอร์ร่า เป็นเอสยูวีที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของไลฟ์สไตล์ของคนไทยสมัยใหม่ ซึ่งครอบคลุมถึงความสะดวกสบายและความบันเทิงไม่ว่าจะเป็นการขับรถท่องเที่ยวระยะไกลหรือการขับแบบออฟโรด ไปตั้งแคมป์พักผ่อน เหมือนกับทริปนี้ ในยุคที่คนชอบเที่ยว เช็คอินในจุดฮิป ฮิป ลงโซเชียล รถพีพีวีอย่าง นิสสัน เทอร์ร่า สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้อย่างลงตัว





กำลังโหลดความคิดเห็น